หลังปีใหม่เตรียมตัว! สบน.เล็งออกพันธบัตรออมทรัพย์ ล็อตแรก 5 หมื่นล้าน



  • ชดเชยขาดดุล-เยียวยาโควิด-19
  • เร็วเกินไปที่กู้ขาดดุลกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้
  • หากจำเป็นเหลือช่องว่างให้กู้ 1 แสนลบ.

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า แผนการออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ 2564 นั้น จะสูงสุดไม่เกิน 100,000 ล้านบาท โดยล็อตแรกมีแผนออกพันธบัตรออมทรัพย์หลังช่วงปีใหม่ จำนวน 50,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการออกพันธบัตรออมทรัพย์จะต้องดูความต้องการการใช้เงินด้วย ถ้ายังไม่มีความต้องการใช้เงินที่เห็นชัด สบน.ก็อาจจะไม่ต้องออกพันธบัตรออมทรัพย์

“ถ้าหากต้องการใช้เงินพันธบัตรออมทรัพย์ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากประชาชนได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดี ส่วนการออกพันธบัตรหลังช่วงปีใหม่นั้น จะใช้สำหรับชดเชยการขาดดุลหรือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้น จะต้องดูรายละเอียดอีกครั้งว่าใช้เงินช่วยเหลือทั้งสองอย่างได้หรือไม่ และจะต้องดูว่าเรื่องไหนต้องการใช้เงินมากกว่าด้วย”

ส่วนดอกเบี้ยพันธบัตรออมทรัพย์นั้นจะเป็นเท่าไรไหร่นั้น ต้องรอดูดอกเบี้ยนโยบาย ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ณ วันที่ออกพันธบัตรก่อน เพราะการออกพันธบัตรออมทรัพย์อ้างอิงตามดอกเบี้ยนโยบาย รวมทั้งจะต้องดูว่าตลาดเป็นอย่างไร แล้วค่อยดูว่าดอกเบี้ยที่เหมาะสมเป็นแบบไหน

อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ 2563 สบน.ออกพันธบัตรไปแล้วทั้งสิ้น 100,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ อย่างไรก็ตามการที่สบน.วางแผนออกพันธบัตรมากถึง 100,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา และในปี 64 นั้น เนื่องจากรัฐบาลออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) เงินกู้ฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นพ.ร.ก.พิเศษขึ้นมาเพราะต้องใช้เงินจำนวน จากปกติสบน.จะออกพันธบัตรออมทรัพย์ประมาณ 50,000 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น

สำหรับการกู้ขาดดุลกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้นั้น เป็นไปตามกฎหมายของกระทรวงการคลัง ที่ระบุว่าสามารถกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณได้ 20% ของงบประมาณรายจ่าย บวกกับ 80% ของต้นเงินชำระคืนเงินกู้ ซึ่งวงเงินอยู่ที่ 700,000 ล้านบาท และภายใต้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ปี2564 ที่เป็นขาดดุลงบประมาณ 600,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าลบกันแล้วจะเหลือช่องว่างให้กู้เงินกรณีขาดดุลอยู่ได้ราว 100,000 ล้านบาท

ส่วนถ้าหากจะใช้เงินมากกว่าที่สามารถกู้ได้นั้น ทำได้แต่จะต้องตรากฎหมายพิเศษขึ้นมาซึ่งเรื่องนี้จะต้องปรึกษากับฝ่ายนโยบายด้วย แต่ทุกอย่างต้องดูความเหมาะสม

“ส่วนจะใช้เงินมากกว่างบขาดดุลที่มีอยู่หรือไม่ต้องรอดูนโยบายด้วย และยังเร็วเกินไปที่จะพูดตอนนี้ เพราะขณะนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวค่อนข้างแรง ซึ่งอาจส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นการกู้กรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้จำเป็นหรือไม่นั้นคงตอบไม่ได้ ต้องรอดูตัวเลขจัดเก็บที่ชัดเจนก่อน ซึ่งคาดว่าจะรู้ตัวเลขที่ชัดเจนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ ซึ่งสบน.ถือเป็นหน่วยงานท้ายๆ ที่จะรู้ เพราะถ้ารายได้ไม่ตามเป้าถึงจะใช้เงินในส่วนนี้”