“หมอนิธิพัฒน์” ชี้ สิงหาฯศึกแดงเดือดของจริง! คนหมดลมหายใจก่อนถึงรพ.-แพทย์ล้มป่วย

  • เศร้าใจไม่มีครั้งใดที่สธ.ไทยจะน่ารันทดเท่าครั้งนี้
  • ชี้ 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิต อยู่ในกทม.
  • อย่างน้อยกว่า 70% ไม่ได้ฉีดวัคซีนสักเข็ม

วันที่ 2 ส.ค.2564 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ “เมื่อพิจารณาผู้เสียชีวิต 819 ราย ในระหว่างวันที่ 18-24 ก.ค. จะเห็นได้ว่าราวสองในสามเกิดขึ้นในกทม.และปริมณฑล โดยที่ 70% เป็นผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี และอย่างน้อย 74% ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว นี่ช่วยยืนยันว่าวัคซีนยังคงต้องมุ่งเป้าไปที่กลุ่ม 608 (อายุเกิน 60 และมีภาวะเสี่ยง 8 ประเภท) และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ วัคซีนต้องมีเพียงพอช่วยเสริมภูมิให้บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าอื่น เพื่อที่เขาจะได้ยืนหยัดช่วยยันข้าศึกไว้จนกว่าคนที่อยู่หลังจะมีภูมิพร้อม

ขึ้นเดือนใหม่ที่ว่ากันว่าน่าจะเป็นศึกแดงเดือดของจริง ภาพผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตในท้องถนนเมืองหลวงยังคงมีให้เห็นประปราย แม้ผู้มีอำนาจจะเอื้อนเอ่ยว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่นับผู้ป่วยที่รอคอยความช่วยเหลืออยู่นอกโรงพยาบาลจนหมดลมหายใจหรือใกล้หมดลมหายใจก่อนถึงมือแพทย์และพยาบาล รวมถึงภาพของบุคลากรทางการแพทย์ที่เหน็ดเหนื่อยสิ้นหวัง บ้างก็ล้มป่วยกันเป็น

กลุ่มก้อนจนคนที่เหลือก็ต้องแบกรับงานหนักเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชย ข่าวการจัดสรรวัคซีนเข็มสามที่ขาดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของประชาคมทางการแพทย์ ทำให้เกิดรอยปริแยกในหมู่นักรบเสื้อกาวน์ต่างยุคต่างสมัยกันเด่นชัดขึ้น ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์วงการสาธารณสุขไทยที่น่ารันทดเยี่ยงนี้

มาตรการล็อคดาวน์ระลอกสามที่จะเผยโฉมทางการในวันมะรืน ถูกกำหนดขึ้นบนพื้นฐานชุดข้อมูลที่มองว่าปัญหาในกทม.และปริมณฑลกำลังใกล้จะซาแล้ว โดยไปพองต่อที่ต่างจังหวัดรายรอบ จึงใช้การขยายพื้นที่แดงเข้มให้เป็นวงกว้างขึ้น ด้วยมาตรการที่ยังคงเดิมแถมลดเล็กน้อยในเรื่องร้านอาหารตามศูนย์การค้า แต่ช้าก่อน ตัวเลขที่ดูเหมือนทำให้ดีใจส่วนหนึ่งเป็นผลจากผึ้งแตกรังออกไปเอง รวมถึงความเอื้ออาทรของเหล่าพี่น้องทางการแพทย์ในหัวเมือง ที่ช่วยรับผึ้งอีกส่วนหนึ่งที่บินเองไม่ไหวกลับไปรักษาตัวในภูมิลำเนา นี่ยังไม่นับยอดผู้ป่วยที่ตรวจพบจากแอนติเจนแล้วยังไม่ถูกรายงานเข้าระบบอีกนับหมื่น ชักสงสัยแล้วสิว่า เรากำลังจะก้าวไปในเส้นทางที่ถูกที่ควรหรือเปล่ากันแน่

ในท่ามกลางความอึมครึมมืดมนอนธการ บุคลากรทางการแพทย์ผู้ถูกสั่งให้อดทนทำงานหนักกันต่อไป จะหวังพึ่งผู้มีหน้าที่สั่งงานทั้งในระดับหน่วยงานย่อยขึ้นไปจนถึงระดับกระทรวงทบวงกรม ให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงไล่เรียงความเป็นไปหน้างานอย่างครบถ้วนกระบวนความ ดูเหมือนจะหาผู้กล้าสะท้อนภาพแห่งความเป็นจริงนี้สู่เบื้องบนให้รับรู้ได้ยากเต็มที ตนคงต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน เหมือนกับประชาชนคงต้องเป็นที่พึ่งให้เหล่าประชาชนกันเอง จะไปหวังพึ่งคนที่ไปทำหน้าที่แทนประชาชนในยามนี้เห็นจะรอเก้อแน่ อย่ากระนั้นเลย มีสาระน่ารู้เรื่องปอดอักเสบโควิดในฉบับการ์ตูนที่พ่อเมืองสาครเป็นธุระจัดหาให้ แถมยังมีรูปภาพเรื่องการตรวจแอนติเจนด้วยตัวเอง จากฝีมือช่วยจัดทำของกัลยาณมิตรคนเดิมมาฝากอีกด้วย

#ฤาอยุธยาสิ้นแล้วคนดี

#เข้าสิงหาอย่าออกนอกบ้าน”