- ทำมูลค่าทะลุ 2.1 หมื่นล้านเหรียญฯโต 13.09%
- หลังเศรษฐกิจโลก-คู่ค้าฟื้น กำลังซื้อพุ่งถล่มทลาย
- “จุรินทร์”ปลื้มหนัก!ลั่นเป็นพระเอกดันจีดีพีไทยบวกแน่
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือนเม.ย.64 การส่งออก มีมูลค่า 21,429.27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 13.09% เทียบกับเดือนเม.ย.63 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 36 เดือน นับจากเดือนเม.ย.61 ถ้าหักมูลค่าส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ซึ่งมีความผันผวนด้านราคาออก จะขยายตัวได้สูงถึง 25.70% และการนำเข้า 21,246.79 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 29.79% เกินดุลการค้า 182.48 ล้านเหรียญฯ
ส่วนในช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปี 64 การส่งออก มีมูลค่า 85,577.30 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 4.78% ขยายตัวเกินกว่าเป้าหมายทั้งปี 64 ที่คาดขยายตัว 4% แล้ว หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยออก จะมีมูลค่า 84,879.16 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นสูงถึง 11.58% และการนำเข้า 84,879.16 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 13.85% เกินดุลการค้า 698.14 ล้านเหรียญฯ
“การขยายตัวของการส่งออกไทย เป็นไปตามการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการผลิต และการส่งออกของโลก หลังกำลังซื้อของผู้บริโภคและความต้องการนำเข้าสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลก ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน จากการกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อย่างทั่วถึงในหลายภูมิภาคของโลก”
สำหรับสินค้าที่ส่งออกขยายตัว ได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพารา ผักและผลไม้ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เครื่องดื่ม อาหารสัตว์เลี้ยง และสิ่งปรุงรสอาหาร, สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ เตาอบไมโครเวฟ ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง โทรศัพท์และอุปกรณ์, สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อ เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง, สินค้าเกี่ยวเนื่องกับภาคการผลิต เช่น เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และสินค้าคงทนหรือสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น
นายภูสิต กล่าวต่อถึงแนวโน้มการส่งออกในระยะต่อไปว่า จะเห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น สะท้อนจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 4 ในเกือบทุกหมวดสินค้า การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัวตามราคาส่งออก และความต้องการจากประเทศคู่ค้าที่สูงขึ้น แผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 ที่มีความหลากหลาย เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นด้านการผลิตและการบริโภค และกระทรวงพาณิชย์ยังมีกิจกรรมต่างๆ สนับสนุนการส่งอออก
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกขณะนี้ถือว่าดีขึ้นเป็นลำดับ เกิดจากความร่วมมือในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน ทำให้สามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคได้อย่างเป็นรูปธรรม ส่วนเป้าหมายการขยายตัวในปีนี้ที่ 4% จากปี 63 ขณะนี้ ยังไม่จำเป็นต้องปรับเป้า แต่มอบนโยบายให้กับหน่วยงานในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ให้จับมือกับภาคเอกชน ทำตัวเลขให้เกินเป้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จนสุดความสามารถ
“ขณะนี้การส่งออก ถือเป็นกลไกสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จะเรียกว่าเป็นพระเอกก็ได้ เพราะเป็นเครื่องยนต์เดียวที่มีผลเป็นรูปธรรมที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และจะมีผลในการทำให้จีดีพีของไทยในปี 64 เป็นบวกได้”
