ส่งออกไทยยังลบต่อเนื่องเดือนต.ค.หดตัวเฉียด 7%



  • พาณิชย์สุดปลื้ม!ติดลบในอัตราที่ลดลงแล้ว
  • ย้ำส่งออกไทยฟื้นแล้วตามเศรษฐกิจ-การค้าโลก
  • ยันทั้งปี 63 หดตัว 7% แต่ปีหน้ายืนยันบวกแน่

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนค.) เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือนต.ค.63 การส่งออกมีมูลค่า 19,376.68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 6.71% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า 17,330.15 ล้านเหรียญฯ หดตัว 14.32%  การค้าเกินดุล 2,046.53 ล้านเหรียญฯ แต่ถ้าหักมูลค่าส่งออกทองคำ น้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงอาวุธยุทธปัจจัย จะเหลือติดลบเพียง 4.89% ส่วนในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปี 63 การส่งออกมีมูลค่า 192,372.77 ล้านเหรียญฯ หดตัว 7.26%  การนำเข้ามูลค่า 169,702.56 ล้านเหรียญฯ หดตัว 14.61% การค้าเกินดุล 22,670.21 ล้านเหรียญฯ

สำหรับสินค้า 3 กลุ่ม ที่ยังส่งออกได้ดี คือ อาหาร เช่น น้ำมันปาล์ม อาหารสัตว์เลี้ยง สุกรสดแช่เย็นแช่แข็ง สิ่งปรุงรสอาหาร, สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เตาอบไมโครเวฟ ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น และสินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น ถุงมือยาง ส่วนทองคำติดลบ 

ส่วนตลาดส่งออกนั้น สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่หลายตลาดกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะอินเดีย เนเธอร์แลนด์ และเม็กซิโก รวมทั้งตลาดอื่น ๆ ที่มีอัตราการหดตัวลดลงมาก เช่น ฮ่องกง เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ในขณะที่การค้าชายแดนของไทย ยังคงได้รับผลกระทบจากการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19  

“การส่งออกที่เพิ่มขึ้น เป็นไปตามแนวโน้มการส่งออก และการค้าของโลก ที่หลายประเทศเริ่มดีขึ้น ทั้งอัตราการขยายตัวเป็นบวก และอัตราการติดลบลดลง โดยเฉพาะประเทศในเอเชีย เริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเวียดนาม ไต้หวัน จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ เป็นต้น อีกทั้งเอเชีย ยังมีมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ดี ประกอบกับ อาเซียน และคู่เจรจา 5 ประเทศ เพิ่งลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ทำให้คาดว่า ปีหน้า การค้าของเอเชียน่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าภูมิภาคอื่น”

อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงของการระบาดรอบ 2 ที่จะทำให้คู่ค้าหลายประเทศ อาจใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง โดยเฉพาะในยุโรป และการระบาดรุนแรงขึ้นในประเทศเพื่อบ้าน ที่ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยลดลงมาก โดยในเดือนต.ค.63 มูลค่าส่งออกไทยไปซีแอลเอ็มวี ลดลงมากถึงกว่า 17% รวมถึงการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และเรือขนส่งสินค้า, ราคาน้ำมัน ที่แม้จะเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะกระทบต่อมูลค่าส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงค่าเงินบาท ที่ยังแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินของประเทศคู่แข่ง ส่วนนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ นายโจ ไบเดน น่าจะไม่มีอะไรต้องกังวล โดยรวมไทยน่าจะรับมือได้ 

“ปีนี้ ยังคาดว่า มูลค่าส่งออกไทยจะยังคงติดลบ 7% โดยในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ น่าจะทำมูลค่าได้ประมาณ 18,300 ล้านเหรียญฯ แต่ถ้าได้ถึง 19,000 ล้านเหรียญฯ จะติดลบน้อยกว่า 7% ซึ่งต้องดูว่า ผู้ส่งออกสินค้าไทยที่สหรัฐฯจะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ในสิ้นปีนี้ จะเร่งการส่งออกหรือไม่ ถ้าเร่ง ก็จะน่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ ส่วนปีหน้า คาดว่า ส่งออกจะกลับมาเป็นบวกได้แน่นอน”