ส่งออกยังแรง! ก.ย.65 เฉียด 2.5 หมื่นล้านเหรียญฯ



  • หลังโลกกลับมาใช้ชีวิตปกติดันความต้องการสินค้าพุ่ง
  • ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งตามเป็นเงาทำขาดดุลการค้าบาน
  • ”จุรินทร์” ชี้เหตุขาดดุลจากนำเข้าน้ำมันราคาแพง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือนก.ย.65 การส่งออกมีมูลค่า 24,919.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.8% เทียบเดือนก.ย.64 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ ที่มีความผันผวนด้านราคา และยุทธปัจจัย จะขยายตัวได้สูงถึง 9% ส่วนคิดเป็นเงินบาท 888,371.1 ล้นบาท เพิ่ม 16.4% ขณะที่การนำเข้า 25,772.5 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 15.6% คิดเป็นเงินบาท 929,732 ล้านบาท เพิ่ม 24.7% ขาดดุลการค้า 853.2 ล้านเหรียญฯ หรือ 41,361 ล้านบาท

ส่วนช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 65 การส่งออก มีมูลค่า 221,366.1 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 10.6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นเงินบาท 7.523 ล้านล้านบาท เพิ่ม 21.3%  การนำเข้า 236,351 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 20.7% คิดเป็นเงินบาท 8.148 ล้านล้านบาท เพิ่ม 32.3% ขาดดุลการค้า 14,984.9 ล้านเหรียญฯ หรือ 624,785 ล้านบาท

 สำหรับปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการส่งออก มาจากโลกกำลังกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และใช้ชีวิตในภาวะปกติ หลังการคลี่คลายของโควิด-19 ทำให้การส่งออกอาหาร รวมทั้งอัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เครื่องสำอาง ดีขึ้น ประกอบกับ ภาวะขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์เริ่มคลี่คลาย ทำให้รถจักรยานยนต์ รถยนต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์กลับมาผลิตและส่งออกได้ รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ส่งออกสินค้าเกษตรดีขึ้น โดยเฉพาะข้าว ที่คาดว่า ปีนี้จะส่งออกได้เกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ 7 ล้านตัน 

 นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า การส่งออกเดือนก.ย.65 ที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกหมวด โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 2.7%  สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 0.8%  และสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 9.4%  ตลาดส่งออกที่ขยายตัว 10 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร ซาอุดิอาระเบีย CLMV  สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ทวีปออสเตรเลีย แคนาดา อาเซียน ลาตินอเมริกา 

“ในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ การส่งออกน่าจะยังเติบโตได้ดี คาดว่า จะขยายตัวได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4% โดยน่าจะเกินกว่าเป้าไม่น้อยกว่า 1 เท่าตัว หรือประมาณ 8% และการส่งออกยังจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”

สำหรับสถานการณ์ขาดดุลการค้า มีสาเหตุมาจากการนำเข้าเชื้อเพลิง ที่มีมูลค่าสูง รวมถึงสินค้าทุน อย่างเครื่องจักร และวัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้าเพื่อส่งออก ซึ่งมีแนวโน้มลดลงแล้ว หลังจากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา คือ เดือนก.ค. และเดือนส.ค.65 ขาดดุลมากถึง 139,911 ล้านบาท และ 165484.4 ล้านบาทตามลำดับ 

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ขณะนี้ การส่งออกหลายตลาดสำคัญมีสัญญาณชะลอตัวลง จากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจคู่ค้าประเทศสำคัญถดถอย เช่น การส่งออกไปจีน ลดลง 13.2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4, ญี่ปุ่น หดตัว 1.7%, เอเชียใต้ หดตัว 11.5%, ทวีปแอฟริกา หดตัว 11.7% และรัสเซียและกลุ่ม CIS หดตัว 24.5% , สวิตเซอร์แลนด์ หดตัว 4.5% แต่ยังคาดว่า การส่งออกในช่วง 3 เดือนที่เหลือยังขยายตัวได้ดี โดยหากส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 23,400 ล้านบาท จะทำให้มูลค่าส่งออกทั้งปี 65 อยู่ที่ 291,566 ล้านเหรียญฯ และขยายตัวได้ประมาณ 8% เทียบกับปี 64