

“สุรพงษ์”เร่งขนส่งทางรางเต็มพิกัด คลอด พ.ร.บ.รางฯให้ได้และประกาศใช้ในปี 67 มั่นใจทำให้ประชาชนเสียค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลง ขณะที่การบริการจะได้รับการคุ้มครอง สิทธิประโยชน์มากขึ้น พร้อมเดินหน้าประกวดราคารถไฟชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ในปีหน้า
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายกรมการขนส่งทางราง(ขร.)เร่งรัดเสนอร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ…. มายังกระทรวงคมนาคมโดยเร็ว เพื่อเสนอต่อ ครม.ภายในสิ้นปี 66 ก่อนที่จะเสนอต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป โดยคาดว่า พ.ร.บ.รางฯจะประกาศมีผลบังคับใช้ได้ภายในปี 67 ซึ่งเมื่อ พ.ร.บ.รางฯผ่านจะทำให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางราง สามารถที่จะเข้าไปกำกับดูสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้บริการระบรางทั้งหมด และควบคุมผู้ให้บริการรถไฟ รถไฟฟ้า รวมถึงจะสามารถเข้าไปกำหนดราคาค่าโดยสาร ค่าขนส่ง ของรถไฟ รถไฟฟ้า ให้มีราคาที่เป็นธรรม ขณะที่หากรัฐบาลมีนโยบายที่คุมราคาค่าโดยสาร หรือกำหนดราคาค่าโดยสาร ก็สามารถดำเนินการได้ภายใต้ข้อบังคับของ พ.ร.บ.รางฯ ซึ่งประชาชนจะได้ประโยชน์โดยตรง
ทั้งนี้ยืนยันว่า เมื่อ พ.ร.บ.รางฯมีผลบังคับใช้ประชาชนที่ใช้บริการระบบรางทั้งหมด จะได่้รับการคุ้มครองด้านความปลอดภัย คุ้มครองสิทธิประโยชน์ในการรับบริการที่เป็นธรรม ที่สำคัญ ขร. จะสามารถเข้าไปกำกับราคาค่าโดยสารของระบบรางมรอัตราขั้นสูง ขั้นต่ำที่ชัดเจน และหากรัฐบาลมีนโยบายที่จะบังคับให้ผู้ประกอบการจัดเก็บค่าโดยสารตามที่กำหนดก็สามารถดำเนินการได้ นอกจากนั้นได้ให้กรมการขนส่งทางรางดำเนินการติดตาม และประเมินผลหลังจากที่กระทรวงคมนาคมประกาศใช้นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ในรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง
นายสุรพงษ์ ยังได้กล่าวต่อว่า ในส่วนของการพัฒนาโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ทั้ง 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงรังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา และช่วงตลิ่งชัน – ศิริราช นั้นได้เร่งรัด ซึ่งได้รับรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)จะเสนอมายังกระทรวงคมนาคม และเสนอต่อ ครม. เพื่อิจารณาอนุมัติภายในสิ้นปี 66 หลังจากนั้นจะสามารถเปิดประกวดราคาได้ในปี 67ซึ่งตามเป้าหมายจะต้องดำเนินการสร้างเพื่อเปิดให้บริการภายในปี 70
นอกจากนั้นในส่วนของโครงการรถไฟอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟทางคู่ เร่งรัดก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ที่กำลังก่อสร้างอยู่ 4 โครงการ ระยะทางทั้งสิ้น 613 กม. และให้เร่งนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการ ระยะทาง 1,479 กม. รวมถึงการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟสายใหม่ และโครงการพัฒนาทางรถไฟเชื่อมต่อนิคมอุตสาหกรรม ระยะเร่งด่วน(ปี พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อช่วยส่งเสริมการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศ และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนต่อไป….