“สุรพงษ์”ลงพื้นที่อุดร-หนองคาย-หนองบัวลำภูเดินหน้าพัฒนาโลจิสติกส์

“สุรพงษ์” ลงพื้นที่ อุดรธานี-หนองคาย-หนองบัวลำพู เดินหน้านโยบาย Quick Win เร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ รถไฟทางคู่พื้นที่ภาคอีสาน เชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน หนุนการค้า ท่องเที่ยว การลงทุนไทย – ลาว – จีน

  • เชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน
  • หนุนการค้า ท่องเที่ยว
  • การลงทุนไทย – ลาว – จีน

วันนี้ 3 ธันวาคม 2566 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นำคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และ นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย

ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ขนส่งสินค้า และรถไฟทางคู่ภาคอีสาน ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี-หนองคาย-หนองบัวลำพูประกอบด้วย พื้นที่ย่านสถานีหนองตะไก้ สถานีนาทา สถานีหนองคาย สะพานมิตรภาพไทย-ลาว เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างเชื่อมทางรถไฟ จากสถานีหนองตะไก้ เข้าสู่พื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี

รวมทั้งแผนพัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า (Transshipment Yard) สถานีนาทา และแผนพัฒนาย่านสถานีหนองคาย ที่จะเชื่อมไปยังสถานีท่านาแล้ง และเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) รองรับการขนส่งสินค้าโลจิสติกส์ผ่านแดนระหว่างไทย – ลาว – จีน  โดยมีนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารการรถไฟฯ ให้การต้อนรับ

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ขนส่งสินค้า และรถไฟภาคอีสาน ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี-หนองคาย-หนองบัวลำพูครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อต้องการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Win ของรัฐบาล ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน

ด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศ ให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งและการค้าของไทย-ลาว-จีน ได้อย่างสะดวก ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติสก์ และเศรษฐกิจภูมิภาคในอนาคต

ทั้งนี้ ได้มีการรับฟังการบรรยายโครงการก่อสร้างทางรถไฟเพื่อใช้เป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า จากสถานีรถไฟหนองตะไก้ เข้าสู่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ระยะทาง 3.7 กิโลเมตร โดยโครงการนี้จะช่วยเสริมศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างมาก ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2566 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2567

จากนั้น เดินทางโดยขบวนรถไฟไปที่สถานีนาทา ผ่านจุดตัดบริเวณทางแยกบ้านจั่น ซึ่งเป็นแนวเส้นทางก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น – หนองคาย โดยได้มอบนโยบายให้การรถไฟฯ แก้ไขปัญหาบริเวณจุดตัดทางรถไฟ กับ ทล. 216 บริเวณแยกบ้านจั่น

โดยปรับรูปแบบการสร้างรถไฟทางคู่ช่วงดังกล่าว เป็นทางยกระดับข้ามจุดตัดทางหลวง 216 อยู่ในระดับที่ 2 รองจากรถไฟความเร็วสูง พร้อมกับคงทางรถไฟทางเดี่ยวระดับพื้นดิน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และแก้ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางรถยนต์ – รถไฟ ให้กับพี่น้องประชาชน


ในโอกาสนี้ ยังได้รับฟังบรรยายโครงการพัฒนาย่านสถานี และศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา และย่านกองเก็บตู้สินค้า ขนาดเนื้อที่ 379 ไร่ ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยขยายขีดความสามารถทางการขนส่งของจังหวัดหนองคาย ให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ระหว่างประเทศไทย – ลาว – จีน  โดยขณะนี้การรถไฟฯ ได้ให้ที่ปรึกษาโครงการ ดำเนินการทบทวนรูปแบบการร่วมลงทุนให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ก่อสร้างไปพร้อมกับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย

โดยจะใช้กรอบวงเงินของโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 มูลค่าการร่วมลงทุน 7,212 ล้านบาท ล่าสุด โครงการฯอยู่ระหว่างการเสนอให้คณะกรรมการรถไฟฯ ให้ความเห็นชอบ หลังจากนั้นจะนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ก่อนเสนอคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนเห็นชอบหลักการและเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินโครงการร่วมลงทุน และคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2571

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายได้นำคณะเดินทางไปยังบริเวณสะพานมิตรภาพไทย – ลาว เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่ ซึ่งฝ่ายไทย และ สปป.ลาว จะร่วมลงทุนก่อสร้างร่วมกันในอาณาเขตของแต่ละฝ่าย ซึ่งขณะนี้การรถไฟฯ อยู่ระหว่างการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาดำเนินการออกแบบรายละเอียดโครงการ มีกรอบระยะเวลาดำเนินการประมาณ 12 เดือน

ต่อมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางถึงด่านพรมแดนหนองคาย พร้อมรับฟังบรรยาย
ความคืบหน้าโครงการลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น – หนองคาย ซึ่งล่าสุด ครม.ได้อนุมัติให้การรถไฟฯ ดำเนินการก่อสร้างโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 และมีกำหนดเวลาดำเนินการในเดือนพฤษภาคม 2567 ระยะเวลาดำเนินการ 36 เดือน

คาดจะแล้วเสร็จประมาณเดือนพฤษภาคม 2570
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุง รายงานการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA)และอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติโครงการ คาดว่าเปิดให้บริการปี 2572

ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการระบบโลจิสติกส์และรถไฟทางคู่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งทางรางของไทยให้มีความสะดวก รวดเร็ว  ส่งเสริมการเติบโตทางการท่องเที่ยว การค้าระหว่างประเทศ การค้าชายแดน

การค้าผ่านแดนให้ขยายตัวได้อย่างมั่นคง เกิดการกระจายรายได้ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ตลอดแนวเส้นทาง และขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งคมนาคมของภูมิภาคได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล