- เผยจากมติเดิม4.77บาท/หน่วยเป็น4.70บาท/หน่วยเท่ากันทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม
- ย้ำยังคงดูแลกลุ่มเปราะบางเหมือนเดิมส่วนวิธีการก็ควรจะเป็นโครงการต่อเนื่องจากเดิม
- ชี้หากราคาน้ำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีมีแนวโน้มทรงตัว–อ่อนตัวคาดค่าไฟฟ้าจะลดลงได้อีก
วันนี้ (25 เม.ย.66) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงผลการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ) ที่มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดใหม่สำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 จากมติเดิม 4.77 บาท/หน่วย เป็น 4.70 บาท/หน่วย เท่ากันทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม หรือลดลง 2 สตางค์/หน่วย ว่ามีผลบังคับใช้ได้เลย ไม่ต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. ส่วนการขออนุมติงบกลาง เพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) อนุมัติก่อน ส่วนตัวเลขจะอยู่ที่วงเงิน 8,000 ล้านบาท หรือไม่นั้นต้องรอดู
“ตอนนี้ผมได้ทำเรื่องเพื่อของบประมาณเข้ามาแล้วที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ซึ่งต้องรอดูตัวเลขงบประมาณ คงจะมีการพิจารณากันวันนี้ ผมทำเรื่องมาแล้ว ถ้าไม่ติดเรื่องขั้นตอนอะไรอยากให้เข้าเร็ว เพราะถึงรอบแล้วปกติต้องของบในช่วงต้นเดือน เม.ย. เพราะต้องบังคับใช้ในเดือน พ.ค. ซึ่งจะสามารถนำมาคำนวณได้ว่ายอดที่จะใช้ช่วยเท่าไหร่ แต่มีการยุบสภาก่อน ทำให้ไม่สามารถเร่งได้เร็วกว่ากำหนดไว้ จึงต้องมาของบกลางในช่วงนี้ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ มาตรการที่จะดูกลุ่มเปราะบาง โดยพยายามดูแลอย่างต่อเนื่องมาตลอด” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มผู้สื่อข่าวยังถามด้วยว่า จะช่วยลดภาระประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อย่างน้อยกลุ่มเปราะบางหลักการก็จะเป็นเหมือนเดิม ส่วนวิธีการก็ควรจะเป็นโครงการต่อเนื่องจากเดิมที่รัฐบาลทำมาโดยตลอดดูแลผู้เปราะบางเหมือนเดิม
ส่วนที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันว่า ค่าไฟฟ้าแพง ต้องแยกระหว่างอัตราค่าไฟเดือน ม.ค. ถึงเม.ย. อัตราเดิมตลอดสำหรับงวดถัดไปในช่วงเดือน ก.ย.ถึง ธ.ค. 2566 เชื่อว่าหากราคาน้ำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีมีแนวโน้มทรงตัว และอ่อนตัวเช่นนี้ คาดว่าค่าไฟฟ้าจะลดลงได้อีก
“กระทรวงพลังงานไม่ได้อยู่นิ่ง ทำงานกันทุกวัน พยายามหาแหล่งพลังงานที่ไม่แพงมาทดแทนหรือการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีราคาถูก ทำให้ค่าไฟลดลงมาเหลือ 4.70 บาทต่อหน่วยได้ ไม่เช่นนั้นมันก็จะสูงกว่านี้” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
