“สุพัฒนพงษ์” มั่นใจเศรษฐกิจไทยโตก้าวกระโดดปี 2565



  • ปี 2564 รัฐมีนโยบายวางโครงสร้างพื้นฐานรับการลงทุน
  • เน้นอุตสาหกรรม ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด และการแพทย์
  • ตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ข้ามชาติระดับภูมิภาค

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวในงาน “Restart Thailand” เมื่อค่ำวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจไทยปี 2565 จะไม่กลับไปเท่ากับปี 2562 ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) แต่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2565 คือดีกว่าปี 2562 เป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับปรุงระบบระเบียบและกติกาต่างๆ ในเรื่องของการลงทุนเพื่อให้การลงทุนของภาคเอกชนไทยและต่างชาติ สามารถทำได้ง่ายขึ้นจากปัจจุบันที่ธนาคารโลกได้จัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 21 ของโลก รัฐบาลมั่นใจว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะขึ้นมาอยู่ในระดับที่ 10 ผลจากการที่รัฐบาลได้มีนโยบายปรับปรุงระบบและระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้ามาทำธุรกิจของผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศให้ง่ายขึ้น

“เป้าหมายของรัฐบาลในปี 2564 ได้มีแนวทางการทำงานเชิงรุกโดยให้ทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ไปพูดคุยกับหอการค้าต่างประเทศรวมทั้งตัวแทนจากสถานทูตของประเทศต่างๆ เพื่อนำเอาแนวทางมาปรับปรุงกฏกติกาต่างๆ เพื่อยกระดับการลงทุนในประเทศไทย หลายธุรกิจมีความสนใจและจะเริ่มการลงทุนได้อย่างเร็ว กลางปี 2564 ขณะที่หลายธุรกิจมีแผนที่จะเริ่มขยายการลงทุนในปี 2565 เป็นปัจจัยที่ทำให้เรามั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ใช่กลับมาเท่ากับปี 2562 แต่จะดีกว่าปี 2562” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2564-2565 เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี่ขั้นสูงขึ้นอาทิอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด อุตสาหกรรมทางการแพทย์ ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานครจะเป็นศูนย์กลางของสำนักงานใหญ่ข้ามชาติระดับภูมิภาค