
- เผยเงินบนหน้าตักยังมีเพยงพอ
- แง้มถ้าเกิดระบาดเพิ่มขึ้นอีกก็ต้องกู้
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังนายกรัฐมนตรีเรียกหารือทีมเศรษฐกิจว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 โดยการระบาดในรอบนี้คาดว่าจะคลี่คลายลงในระยะเวลา 2 สัปดาห์เนื่องจากหน่วยงานต่างๆมีประสบการณ์ในการรับมือกับโรคระบาดในรอบที่ผ่านมาแล้วแต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน หากสถานการณ์สามารถควบคุมได้เร็ว และคลี่คลายในระยะเวลา 1 เดือน ยังมองว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจยังไม่มากนัก รัฐบาลก็จะเร่งหามาตรการต่างๆมาเพิ่มเติมในการประคองและกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนของมาตรการเยียวยาทางกระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)กำลังอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการที่เหมาะสมซึ่งคาดว่ามาตรการต่างๆจะออกมาเป็นแพคเกจได้ในเดือน พ.ค.และจะมีผลเริ่มให้ประชาชนใช้ได้ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.นี้ จะมีทั้งที่เป็นมาตรการใหม่ที่จะกระตุ้นการบริโภค โดยเฉพาะมาตรการให้คนเอาเงินออมออกมาใช้ เนื่องจากปัจจุบันประชาชนมีเงินออมกว่า 500,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้คิดมาตรการออกมาแล้วจะเริ่มใช้ในเดือน มิ.ย. โดยมาตรการที่จะทำต่อเนื่องคือ มาตรการคนละครึ่งระยะที่ 3 โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งก็จะเดินหน้าต่อตามที่ได้บอกไว้ ขณะที่มาตรการต่างๆที่จะเพิ่มขึ้นมาเช่นการดูแลข้าราชการผู้มีรายได้น้อย มาตรการต่ออายุการเยียวยาก็ต้องมีบ้าง เช่น เราชนะ หรือ ม.33 เรารักกัน ซึ่งก็ได้มีการหารือกันว่าสำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ก็อาจจะต่ออายุออกไปโดยที่ประชาชนไม่ต้องแย่งกันลงทะเบียน ส่วนจะเป็นรูปแบบเดิมหรือไม่ และจะให้มากแค่ไหนเรื่องนี้ให้กระทรวงการคลังไปดูในรายละเอียด แต่การออกมาตรการออกมาพร้อมๆกันทำให้คนที่จะได้มาตรการมีหลายกลุ่มจะได้ช่วยกันใช้จ่ายให้เงินหมุนเวียน
“มาตรการที่จะออกมาในรอบนี้จากวงเงินที่รัฐบาลมีอยู่ประมาณ 300,000 ล้านบาท นยังเพียงพอที่จะใช้ในการเยียวยาและทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ยังพอที่จะทำได้ และเหลือเงินอยู่ แต่หากเกิดการระบาดครั้งต่อๆไปซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิิดขึ้นได้เพราะมีความไม่แน่นอน ตรงนั้นรัฐบาลก็ต้องเตรียมที่จะกู้เงินแล้วเพราะเป็นความจำเป็นที่จะต้องมีเงินไว้ดูแลประชาชน แต่ ในขณะนี้ยังมีเงินเพียงพออยู่ โดยมาตรการต่างๆจะได้ใช้ในเดือน มิ.ย.แต่ประชาชนจะทราบก่อนในเดือน พ.ค.นี้ ส่วนของภาคธุรกิจสามารถไปใช้โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ หรือมาตรการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงินได้ โดยถือเป็นมาตรการที่ออกแบบไว้เพื่อรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้นกับภาคเอกชนอยู่แล้ว”
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า มองว่าเอกชนยังมีความเชื่อมั่น และได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้วว่าประเทศไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ และแผนปฏิบัติการเชิงรุกในการดึงนักลงทุนยังคงอยู่ ซึ่งมีบริษัทขนาดใหญ่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเข้ามาติดต่อสนใจจะลงทุน ซึ่งการลงทุนของเอกชนทั้งในและต่างประเทศก็จะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการฉีดวัคซีนมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งเป็นเรื่องของเวลาและจะมีมุมมองที่ดีขึ้นเรื่อยๆเพราะรัฐบาลก็พยายามที่จะหาวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น และในเดือน มิ.ย.เราก็จะอุ่นใจมากขึ้นเรื่อยๆเพราะจะมีวัคซีนจำนวนมากแล้ว
สำหรับแผนการเปิดประเทศรัฐบาลยังยืนยันว่าจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้วในวันที่ 1 ก.ค. 2564 โดยไม่ต้องกักตัวซึ่งเป็นไปตามกำหนดเดิม ซึ่งจากการไปสำรวจความต้องการที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต ของนักท่องเที่ยวต่างชาติพบว่ายังมีความต้องการที่สูงมาก และการระบาดรอบหลังนี้ยังไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว โดยแผนการชักจูงนักท่องเที่ยวต้องเน้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกลก่อน ก็ถือว่ายังอยู่ในเป้าหมายการทำงานของรัฐบาล
“นักท่องเที่ยวยังเชื่อมั่นในไทย เชื่อว่าเรามีความพร้อมรองรับ จัดการกับการแพร่ระบาดของโรคได้ มียา มี่เครื่องมือทางการแพทย์พร้อม เพียงพอพอสมควร แต่ขึ้นกับวินัยของคนไทยด้วยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก็เห็นว่ามาจากคนกลุ่มเล็กๆเท่านั้นก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก”










