

- แนะเร่งทำ 3 ข้อ พักดำเนินคดีผู้ชุมนุม-มีเอกสิทธิ์คุ้มครองไม่ให้ถูกฟ้อง
- นำข้อเสนอเข้าที่ประชุมรัฐสภาแทนการพูดในที่สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ เบนซ์ทองหล่อคลับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานก่อตั้งสถาบันสร้างไทย ให้สัมภาษณ์แนวทางการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ว่า ตนเสนอแนวทางให้มีการตราพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อรองรับการตั้งกรรมการสมานฉันท์ เพื่อจะได้มีการรองรับสำหรับการเปิดพื้นที่ปลอดภัยในการเจรจาของผู้เห็นต่าง พร้อมกับกำหนดแนวทางการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ และนำหลักยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านสมานฉันท์มาใช้ เพื่อไม่ให้ถูกข้อครหาว่าเป็นการซื้อเวลา แต่จะเป็นทางออกของประเทศที่มีการแสดงความจริงใจ
ทั้งนี้ เมื่อเสนอเป็นกฎหมายแล้วควรมีหลักดำเนินการ 3 ข้อ คือ 1.ให้พนักงานสอบสวน อัยการ และผู้พิพากษา พักการดำเนินคดีแก่ผู้ชุมนุมทางการเมืองไว้เป็นการชั่วคราวในระหว่างการพูดคุย หากผู้ชุมนุมถูกควบคุมตัว ให้ปล่อยตัวเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าสู่เวทีเจรจาโดยไม่ต้องพะวงกับการถูกตามจับ หรือถูกออกหมายจับเรื่อยๆ เหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง
2.ผู้ที่พูดคุยเจรจา ในเวทีที่รัฐสภาตั้งขึ้นได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองที่จะไม่ถูกฟ้องทั้งในทางแพงและอาญา เพื่อให้เป็นเวทีที่ปลอดภัยที่ทุกฝ่ายสามารถพูดคุย และเสนอข้อเรียกร้องที่จะทำให้ทุกเรื่องได้คุยกันในคณะกรรมการ แทนการพูดในที่สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย และอาจผิดกฎหมาย
และ3. เพื่อให้ข้อเสนอที่ประชุมนำไปสู่การปฏิบัติโดยมีการกลั่นกรอง ให้นำข้อเสนอของที่ประชุมเข้าพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา หากที่ประชุมเห็นด้วยในประเด็นใดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ หากไม่ปฏิบัติให้เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการที่รัฐสภาจะตั้งไม่มีการตรา พ.ร.ก. เพื่อรองรับก็จะไม่มีใครเข้าร่วม
นอกจากนี้ตนเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้รัฐธรรมนูญโดยเร็ว และเลิกซื้อเวลา ให้มีการเร่งพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญทั้งหมด 7 ร่าง ที่เข้าสู่สภาแล้วทั้งร่างของฝ่ายค้าน รัฐบาล และประชาชน คือ ไอลอว์ โดยคาดว่าจะเห็นชอบวาระ 3 ในช่วงเดือน ธ.ค. และหลังจากนั้นหากนายกรัฐมนตรีเสียสละที่จะลาออก ก็จะสามารถเดินหน้าประเทศต่อไปได้ และให้เร่งดำเนินการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มีกรอบทำงาน 8 เดือน และคาดว่าปลายปี 2564 ก็จะคืนอำนาจให้กับประชาชนด้วยการเลือกตั้ง จากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“ข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสภาบันฯ ของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น เรื่องดังกล่าวนี้ไม่สามารถพูดคุยข้างนอกได้ และมีการดำเนินคดีกับคนที่พูดถึง ซึ่งสร้างความบอบช้ำให้กับทุกภาคส่วนและการมีเวทีรองรับ เปิดให้มีการพูดเหตุและผล โดยผ่านคณะกรรมการที่ตั้งโดยกฎหมายก็จะดีกว่า”