นายลอเรนซ์ หว่อง ประธานร่วมคณะทำงานเฉพาะกิจต่อสู้กับโควิด-19 เปิดเผยถึงสถานการณ์การควบคุมโลกติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศสิงคโปร์ ว่ากิจกรรมบางอย่าง อาทิเช่น การทำธุรกิจที่บ้าน บริการซักรีด ร้านตัดผม จะให้เปิดบริการได้ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.นี้ รวมถึงนักเรียนบางส่วนจะสามารถกลับไปเรียนได้เป็นกลุ่มเล็กๆ ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.2563 สถานที่ทำงานบางแห่งจะอนุญาตให้ทยอยเปิด ขึ้นกับความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความสามารถในลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ โดยทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ขอให้ประชาชนอยู่บ้าน เลี่ยงการรวมกลุ่ม ยังไม่ใช่เวลาที่จะหย่อนยานและปล่อยให้การ์ดตกในการควบคุมเชื้อไวรัส เพราะถือว่ายังไม่พ้นอันตราย
ด้านกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงว่า เตรียมทยอยเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และชุมชนอย่างปลอดภัยหลังสิ้นสุดมาตรการตัดวงจรที่มีผลจนถึงวันที่ 1 มิ.ย.นี้ รวมถึงทางการสิงคโปร์แจ้งด้วยว่า จะขยายการใช้ SafeEntry ให้ทั่วถึงทั่วประเทศ เพื่อช่วยในการติดตามผู้ป่วยโควิด-19 และผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย ปกติสิงคโปร์ใช้ระบบเช็คอินดิจิทัลนี้ เพื่อเก็บรายละเอียดการเข้าใช้บริการและเข้าทำงานในสถานที่ที่ให้บริการสำคัญของประเทศอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจสิงคโปร์กำลังเผชิญภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดนับแต่ก่อตั้งประเทศในปี 2508 จากการปิดที่ทำงานส่วนใหญ่และโรงเรียนที่ทางการเรียกว่า มาตรการตัดวงจร โดยสิงคโปร์มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนใหญ่เป็นการระบาดในหอพักที่แรงงานต่างชาติจำนวนมากอาศัยอยู่อย่างแออัด โดยเมื่อวานนี้ ( 1 พ.ค.) พบผู้ป่วยใหม่ 932 คน รวมผู้ป่วยสะสม 17,101 คน เสียชีวิต 16 คน หากดูเฉพาะผู้ป่วยใหม่นอกหอพักแรงงานต่างชาติ เฉลี่ยแล้วเหลือวันละ 12 คน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงจากวันละ 25 คนในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
