สิงคโปร์ติดเชื้อทะลุ 2 หมื่นคน ส่วนใหญ่เป็น แรงงานต่างชาติถึง 5.3% จาก 3.23 แสนคน ด้วยสภาพความเป็นอยู่แออัดจึงแพร่ระบาด รวดเร็ว

  • ตัวเลขแรงงานต่างชาติพุ่งไม่หยุด ติดเชื้อถึง 5.3% จากเข้ามาทำงาน 3.23 แสนคน
  • สาเหตุอยู่ในสภาพแออัดและสังสรรค์กันข้ามหอพักจนแพร่ระบาดรวดเร็ว
  • ส่งผลให้สิงคโปร์ติดเชื้อสูงสุดในภูมิภาคอาเชียน

สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสของประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ตัวเลขผู้ติดเชื้อทะลุ 20,000 รายไปเรียบร้อยแล้ว เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 788 ราย มาที่ 20,198 ราย ตัวเลขของสิงคโปร์ยังคงน่าห่วง นับจากตัวเลขผู้ติดเชื้อวันแรก 23 มกราคม ที่ผ่านมา จาก 1 เดือนตัวเลขเข้าสู่หลัก 10,000 รายเมื่อวันที่ 22 เมษายน

แต่ตัวเลขเพิ่มขึ้นพรวดพราดเพียง 2 สัปดาห์ ตัวเลขเพิ่มทะลุ 20,000 ราย เมื่อวันพุธ จำนวนผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงมาจากแรงงานต่างชาติที่พักอยู่ในหอพักคนงาน ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยนอกหอพักมีจำนวนเพิ่มขึ้นในอัตราลดลง

กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ระบุว่า ตัวเลขผู้ป่วยที่เป็นแรงงานต่างชาติอัพเด็ทที่ 16,998 ราย คิดเป็น 5.3% ของจำนวนแรงงานต่างชาติทั้งหมด 323,000 คนที่พำนักในหอพักคนงาน

สำหรับแรงงานต่างชาติที่หายป่วยแล้วทางการสิงคโปร์ได้ดำเนินการแยกให้ไปพักบนเรือสำราญสองลำ เพื่อลดความแออัดในหอพัก ซึ่งรองรับได้ประมาณ 2,000 คน จากที่ได้แยกไปพักในค่ายทหารและอาคารที่พักที่ว่าง

แรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในสิงคโปร์ เข้ามาทำงานหลากหลายแขนง ล้วนแต่เป็นอาชีพที่ชาวสิงคโปร์ไม่ทำกัน เช่นคนงานก่อสร้าง คนงานดูแลซ่อมแซมอาคาร คนงานในโรงงานผลิตสินค้า ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่จะพักอาศัยในหอพักคนงานชขนาดใหญ่ จำนวน 43 แห่ง ๆ หนึ่งพักได้เกิน 1,000 คน

นอกจากนี้ยังมีโรงงานกระจายอยู่ทั่วสิงคโปร์จำนวน 1,200 โรง ที่ดัดแปลงที่พักอาศัยให้เป็นหอพักแต่ละแห่ง 50-100 คน และที่พักอาศัยชั่วคราวตามไซต์ก่อสร้างต่างๆ อีกไซต์ประมาณละ 40 คน

มีรายงานว่า แรงงานต่างชาติที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรก เมื่อ 8 กุมภาพันธ์ เป็นชายชาวบังคลาเทศวัย 39 ปีทำงานที่ไซต์ก่อสร้าง Seletar Aerospace Heights  เขาไปที่ศูนย์การค้ามุสตาฟา ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาลและเขาพักที่หอพัก “ลีโอซ ในที่สุดไซต์งานของ Seletar Aerospace Heights ก็กลายเป็นกลุ่มที่มีการติดเชื้อ 5 คน  แต่ถูกกักตัวไว้และปลายเดือนมีนาคม มีรายงานแรงงานข้ามชาติติดเชื้ออีกครั้ง

การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วนี้จากการที่คนงานสังสรรค์ข้ามหอพักในช่วงวันหยุด ทำอาหาร ทานด้วยกัน ผ่อนคลายด้วยกัน เขาจากนั้นก็กลับมากับไปยังกลุ่มเพื่อน ภายในหอพัก เจ้าหน้าที่ได้ระบุศูนย์การค้ามุสตาฟา ที่มีขนาด  400,000 ตารางฟุต เป็นที่นิยมของแรงงานต่างชาติและนักท่องเที่ยวเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่กระจายของโรคในหมู่คนงานเหล่านี้ด้วย

ไฟล์ภาพจาก​ AFP

จากปัญหาพื้นฐานคือสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดีนัก พวกเขานอนบนเตียงสองชั้น แต่ละห้องนอนรวมกัน 12 ถึง 20 คน ในห้องที่มีพัดลมขนาดเล็กติดอยู่กับเพดานหรือผนัง มีห้องสุขารวมและห้องอาบน้ำรวม

มีรายงานระบุว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วพวกเขาแออัดในหลังรถบรรทุก และไม่ได้ทำงานที่สถานที่แวดล้อมดี หลายคนยังทำงานอยู่แม้จะมีอาการป่วย

เจ้าหน้าที่ได้ตั้งทีทีมตรวจที่หอพักและให้ความมั่นใจกับคนงานว่าเงินเดือนของพวกเขาจะถูกจ่ายในขณะที่พวกเขาถูกกักกันตันเอง

“ลี เซียน หลุง” นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์  พูดกับครอบครัวของแรงงานต่างชาติที่ติดเชื้อโดยตรง ว่า สิงคโปร์ได้ชื่นชมการมีส่วนร่วมของคนงาน  “พวกเรารู้สึกรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขา เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อดูแลสุขภาพชีวิตความเป็นอยู่และสวัสดิการที่นี่และเพื่อให้พวกเขากลับบ้านปลอดภัย” เขากล่าว

สำหรับหอพัก 43 แห่ง มีขนาดใหญ่ มีแรงงานต่างชาติพักอยู่ถึง  200,000 คน ซึ่งดำเนินกิจการที่พักคนงานจากมาเลเซียและออสเตรเลีย 

พวกเขาคิดค่าบริการจากบริษัทก่อสร้างที่จ้างคนงาน  6,800-9,100 บาทต่อหัวต่อเดือนต่อคนทำงานในแต่ละเดือน ในขณะที่คนงานต้องจ่ายประมาณเดือนลประมาณเกือบ 3,000 บาท สำหรับอาหารสามมื้อต่อวัน 

สำหรับปฏิกิริยาของชาวสิงคโปร์  จดหมายที่เขียนโดยผู้อ่านส่งความคิดเห็นไปยังหนังสือพิมพ์ ขอให้ประชาชนไม่กล่าวโทษรัฐบาลสิงคโปร์สำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายลง โดยกล่าวเพิ่มเติมว่าแรงงานข้ามชาติควรรับผิดชอบต่อสุขอนามัยส่วนตัวของพวกเขาเอง

แม้ว่าชาวเน็ตบางคนเห็นด้วยกับประเด็นที่กล่าวถึง แต่ก็มีบางคนได้วิจารณ์ข้อสังเกตของผู้เขียนและกล่าวว่าพวกเขาสะท้อนให้เห็นว่าคนสิงคโปร์ส่วนใหญ่ปฏิบัติต่อแรงงานเหล่านี้ไม่ดีอย่างไร แม้ว่าพวกเขาจะเป็นส่วนสำคัญของการสร้างเติบโตและความเจริญทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์