สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน สหรัฐอเมริกาอนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์และโมเดอร์นา สำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ขณะที่สหรัฐกำลังเข้าสู่การแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกรอบในช่วงฤดูหนาว
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐอนุมัติให้ใช้วัคซีนเข็มกระตุ้นกับผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้มีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักและผู้ประกอบอาชีพเสี่ยง
เจเน็ต วูดค็อก รักษาการกรรมาธิการองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) ระบุว่า การตัดสินใจในครั้งนี้จะช่วยให้มีการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อไป รวมถึงผลรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิต
คณะผู้เชี่ยวชาญในการประชุมของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ได้ยืนยันการตัดสินใจที่จะขยายกลุ่มผู้มีสิทธิฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ และแนะนำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ฉีดวัคซีนบูสเตอร์แม้จะไม่มีโรคประจำตัวก็ตาม
นางโรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี ได้ลงนามอนุมัติอย่างเป็นทางการตามคำแนะนำของคณะกรรมการ โดยระบุว่า “การฉีดเข็มกระตุ้นเป็นเครื่องมือด้านสาธารณสุขที่สำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งในการป้องกันไวรัสขณะที่เราเริ่มเข้าสู่วันหยุดฤดูหนาวแล้ว”
เอฟดีเอระบุว่า การตัดสินใจนี้อยู่บนพื้นฐานของผลการทดลองที่แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งจากการทดลองฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทั้ง 2 ยี่ห้อในกลุ่มตัวอย่างหลายร้อยคน โดยไฟเซอร์ได้ทดลองฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จำนวน 10,000 คน พบว่า มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อแสดงอาการได้มากกว่า 95% เทียบกับผู้ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
ทั้งนี้ การตัดสินใจให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเกิดขึ้นพร้อมกับการที่สหรัฐมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูง 88,000 คนต่อวัน
