สหรัฐฯเตรียมถอดบริษัทจีนที่ไม่ได้มาตรฐานทางบัญชีออกจากตลาดหุ้นปีหน้า

ภาพจาก Reuters


  • บริษัทของจีน และประเทศอื่นๆ ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางบัญชี
  • จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงสิ้นปี 64

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ นายสตีเว่น มนูชิน กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า บริษัทต่างๆ ของจีน และประเทศอื่นๆ ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางบัญชี จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงสิ้นปี 64 

นายมนูชิน และเจ้าหน้าที่คนอื่นของสหรัฐฯ ได้แนะนำให้บริษัทของจีนปรึกษากับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้แน่ใจว่า บริษัทของจีนจะมีมาตรฐานเดียวกับบริษัทของสหรัฐฯ และกระตุ้นให้จีนปรึกษาหารืออย่างตรงไปตรงมา  

  นายมนูชิน บอกกับทำเนียบขาวว่า SEC คาดว่า บริษัทจีนจะยอมรับคำแนะนำดังกล่าว “ภายในปลายปีหน้า พวกเขาทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางบัญชีเดียวกัน ไม่เช่นนั้น จะถูกถอดออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ” 

  สำหรับคำแนะนำดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันของฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะแก้ไขความไม่สมดุลกันระหว่าง 2 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก และความตึงเครียดของทั้ง 2 ประเทศ ได้ลุกลามมากขึ้นช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จากการที่จีนจัดการกับแพร่ระบาดของโควิด-19 สถานการณ์ในฮ่องกง และสิทธิมนุษยชน 

  รวมถึงจีนยังไม่ซื้อสินค้าจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ กล่าวว่า จีนไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่จะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯเพิ่มเติมภายใต้ข้อตกลงทางการค้าระยะ (เฟส) ที่ 1 ที่ลงนามระหว่างกันเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่การซื้อ ที่เพิ่มขึ้นควรจะเห็นผลในปีหน้า  

  “เราทำข้อตกลงการค้าเฟส 1 ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ทันใดนั้น มันก็มีความหมายเพียงเล็กน้อยเท่านั้นกับการนำเข้า” นายทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว 

  นายทรัมป์ กล่าวต่ออีกว่า การซื้อสินค้าของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่จำเป็นภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว “เพราะจีนไม่เคยจ่ายเพื่อชีวิตที่สูญเสียไปในประเทศของเรา และหลายประเทศททั่วโลก” 

  นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเรียกร้องให้องค์การการค้าโลก (WTO) หยุดปฏิบัติกับจีนในฐานะประเทศกำลังพัฒนา เพราะการทำเช่นนั้น จะทำให้ปักกิ่งได้เปรียบสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ขณะที่จีน โต้กลับว่า การจัดกลุ่มให้จีนเป็นประเทศกำลังพัฒนา ถือเป็นธรรมแล้ว เพราะหลายประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ก็ยังอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเช่นกัน