สหรัฐฯสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากเมียนมา



  • เหตุสถานการณ์ปราบผู้ประท้วงอยู่ในขั้นวิกฤติ 
  • ขณะที่นานาชาติรุมประณามกองทัพใช้ความรุนแรง 
  • ย้ำใกล้เป็น “รัฐล้มเหลว” ทั่วโลกต้องช่วยแก้ปัญหา 

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานด้านสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงครอบครัว รีบเดินทางออกจากเมียนมา เนื่องจากสถานการณ์ด้านความมั่นคงยังคงอยู่ในภาวะวิกฤตนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาได้ก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา    

แถลงการณ์ของกระทรวงฯระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าว ได้พิจารณาถึงความปลอดภัย และความมั่นคงของบุคลากรของรัฐบาล และครอบครัวเป็นหลัก และกระทรวงฯจะทบทวนคำสั่งดังกล่าวในอีก 30 วันข้างหน้า 

การออกคำสั่งดังกล่าว มีขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วง และกองกำลังรักษาความมั่นคงของเมียนมาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) เปิดเผยว่า กองทัพเมียนมาได้สังหารผู้ประท้วงไปแล้วอย่างน้อย 521 รายนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 

ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ รวมถึงสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมกันประณามกองทัพเมียนมาที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วง โดยประธานาธิบดีไบเดน กล่าวว่า การที่ประชาชนจำนวนมากถูกสังหารโดยไม่มีเหตุอันควรเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ 

ขณะที่สถาบันโลวี (Lowy Institute) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของออสเตรเลีย ระบุว่า ขณะนี้เมียนมากำลังจะกลายเป็น “รัฐล้มเหลว” หรือ “Failed State” และจำเป็นอย่างยิ่งที่ทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ในเมียนมา