สหรัฐฯจับตามองไทยด้านทรัพย์สินทางปัญญาต่ออีก 1 ปี



  • โปรยยาหอมมีพัฒนาการด้านปกป้อง คุ้มครอง ปราบละเมิด
  • แต่ยังกังวลใช้ซอฟต์แวร์ไม่มีลิขสิทธิ์ ดำเนินคดีคนละเมิดน้อย
  • พาณิชย์เดินหน้าทำแผนร่วมสหรัฐฯหวังหลุดบัญชีดำปีหน้า

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.66 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้ประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 66 โดยคงสถานะไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (WL) ต่ออีก 1 ปี ซึ่งกรมพร้อมเดินหน้าชี้แจงสหรัฐฯ ถึงพัฒนาการด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย และเร่งขับเคลื่อนแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา เชื่อมั่นว่า หากดำเนินการตามแผนงานได้สำเร็จ ไทยจะหลุดจากบัญชี WL ในปีต่อไปแน่นอน

สำหรับการที่ไทยยังคงอยู่บัญชี WL เป็นเพราะไทยมีพัฒนาการด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิด โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ รองรับกลไกแจ้งเตือนและนำออก (Notice and Takedown) สำหรับให้เจ้าของสิทธิแจ้งให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ นำงานละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์, เพิ่มการคุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยี, ขยายอายุความคุ้มครองภาพถ่าย และเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก เพื่อคุ้มครองลิขสิทธิ์ในยุคดิจิทัล

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ได้ชื่นชมความพยายามของหน่วยงานไทยในการป้องปรามการละเมิด เช่น การจัดทำระบบฐานข้อมูลเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ของกรมศุลกากร, การจัดทำบันทึกข้อตกลงภาครัฐ – เอกชน เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต และตัดรายได้โฆษณาของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ที่มีการละเมิด อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ยังคงมีข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบบันทึกภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ การแอบอ้างสิทธิในการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต ความล่าช้าในการดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อกังวลของสหรัฐฯ อื่นๆ เช่น คำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรที่ยังคั่งค้างจำนวนมาก และเร่งรัดให้ไทยอนุมัติคำขอโดยเร็ว, ภาคเอกชนไทยยังคงใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์, กระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่ยังล่าช้า ,การดำเนินคดีกับผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และความเสียหายทางแพ่งที่ยังต่ำ, ข้อจำกัดด้านโควตาภาพยนตร์, ภาคเอกชนสหรัฐฯต้องการให้ไทยมีระบบป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรม และเปิดเผยข้อมูลผลการทดสอบยา และเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น โดยสหรัฐฯจะทำงานร่วมกับไทยในการแก้ปัญหาประเด็นเหล่านี้ และประเด็นอื่นๆ ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการค้าและการทุนสหรัฐฯ-ไทย และกรอบอื่นๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ไทยยังคงอยู่ในบัญชี WL ต่อเนื่องนับจากปี 60 ที่ได้ปรับจากประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) มาอยู่ WL สำหรับประเทศที่อยู่ใน WL ปี 66 รวม 22 ประเทศ ได้แก่ อัลจีเรีย บาร์บาโดส เบลารุส โบลิเวีย บราซิล บัลแกเรีย แคนาดา กัมพูชา โดมินิกัน เอกวาดอร์ อียิปต์ กัวเตมาลา เม็กซิโก ปากีสถาน ปารากวัย เปรู ทรินิแดด แอนด์ โตเบโก ตุรกี เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน เวียดนาม และไทย ส่วนประเทศที่อยู่ในบัญชีกถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) มี 7 ประเทศ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย อินเดีย รัสเซีย อาร์เจนตินา ชิลี และเวเนซุเอลา