สศค. เกาะติด 4 ปัจจัยเสี่ยง หวั่นเขย่าเศรษฐกิจปี 65



  • การแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่
  • ขาดแคลนแรงงานภาคก่อสร้าง-การผลิต
  • ความผันผวนเศรษฐกิจโลก

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)​ เปิดเผยว่า ในปี2565 สศค. ได้ประมาณการเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 3.5-4%  ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้คาดการณ์ โดยมี 4 ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เน่ื่องจากมีผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย ดังนี้1.การแพร่ระบาดไวรัสโควิด19 แม้หลายประเทศรวมถึงประเทศไทย จะควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่ก็ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไทย เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของประเทศ ว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว หากเกิดการแพร่ระบาดอีกรอบ 

2.การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เนื่องจากสถานการณ์การส่งออกเริ่มฟื้นตัว ผู้ประกอบการทะยอยส่งออกสินค้าพิ่มขึ้น แต่หากจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอต่อการส่งออก ก็เป็นอุปสรรคของการส่งออก ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้การส่งออกปราศจากอุปสรรค 3.การขาดแคลนแรงงานต่างด้าว ในภาคการผลิตและภาคการก่อสร้าง เนื่องจากในช่วงโควิดแพร่ระบาดอย่างหนัก แรงงานต่างด้าว ได้เดินทางกลับไปยังประเทศของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะขณะนี้จะทยอยเดินทางกลับเข้าไทย แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ามาเต็มจำนวนก่อนเกิดโควิดได้  และ4.สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน และขยายตัวไม่เท่ากัน  ทั้งราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด  ซึ่งทั้ง 4 ปัจจัยนี้ มีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยด้วย

นายพรชัย  กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 65 นั้น มาจากการที่ภาคการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีขึ้น หลังจากหลายๆ ประเทศรวมทั้งไทยมการเปิดประเทศ ซึ่ง สศค. คาดว่าปี 65 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยประมาณ 6-7 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีนราว 1 ล้านคน ซึ่งเป็นการมองเชิงบวก กรณีจีนเปิดประเทศให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ในช่วงครึ่งปีหลัง 65 แต่หากจีนยังคงมาตรการปิดประเทศตลอดทั้งปี 65 ก็คาดว่านักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทยในปี65 จะลดลงเหลือ 6.3 ล้านคน 

ขณะเดียวกันจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ จากเงินของภาครัฐ ราว 4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำ 3.1 ล้านล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 370,000  ล้านบาท และเม็ดเงินจาก พ.ร.ก. กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 อีก 250,000   ล้านบาท ขณะที่มาตรการกระตุ้นการบรโภคภายในประเทศนั้น  ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มเติม เนื่องจากรัฐบาลมุ่งเน้นการสร้างงาน สร้างอาชีพ ผ่านโครงการลงทุนต่างๆของภาครัฐ และเชื่อว่าเมื่อคนในประเทศมีงานทำ ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศ มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นด้วย