“สรรพากร” โชว์ผลงานหาเงินเข้าประเทศ ลั่น “ภาษี e – Service” จัดเก็บไป 6 เดือนแรก รายได้ภาษีทะลุเป้า 14% คิดเป็นเงินกว่า 1.01 แสนล้านบาท



นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตามที่กรมสรรพากร ได้ออกกฎหมายจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริการอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์มผู้ให้บริการต่างประเทศ (VAT for Electronic Service: VES) ที่ให้บริการกับผู้ใช้บริการในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มผู้ให้บริการต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน VES รวม 127 ราย และมียอดมูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์รวม 60,874.98 ล้านบาท คิดเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บสะสม 6 เดือน (ต.ค. 2564 – มี.ค. 2565) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,261.25 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปีงบประมาณ 2565 กรมสรรพากรจะเก็บ VES ได้ใกล้เคียง 10,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท

สำหรับกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับบริการอิเล็กทรอนิกส์ (VAT for Electronic Service : VES) ที่มีผลบังคับกับแพลตฟอร์มและผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการไทย ซึ่งปัจจุบันมีแพลตฟอร์มและผู้ให้บริการต่างประเทศที่ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ บริการโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising) บริการขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce) บริการแพลตฟอร์มสมัครสมาชิก เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ (Subscription) บริการแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลาง เช่น บริการขนส่ง (Peer to Peer) และบริการแพลตฟอร์มจองที่พัก โรงแรม ตั๋วเดินทาง (Online Travel Agency) ที่ให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อย (ที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) ในประเทศไทย ดังนี้

สำหรับผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริการอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์มผู้ให้บริการต่างประเทศ แยกตามประเภทแพลตฟอร์มและบริการสะสม 6 เดือน 

(เดือนตุ.ค. 2564 – มี.ค.2565)

ประเภทแพลตฟอร์มและการบริการ

มูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์

(ล้านบาท)

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

(ล้านบาท)

บริการโฆษณาออนไลน์ มูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์ 38,421.59 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 2,689.51 บาท

บริการขายสินค้าออนไลน์ มูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์ 15,904.13 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,113.29 ล้านบาท

บริการสมาชิก เพลง หนัง เกมส์ฯลฯ มูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์ 5,718.61 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 400.30 ช้านบาท

บริการแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลาง มูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์ 528.96 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 37.03 ล้านบาท

บริการแพลตฟอร์มจองที่พัก ตั๋วเดินทาง ฯลฯ มูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์ 301 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 21.12 ล้านบาท 

ทั้งนี้รวมมูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์รวม 60,874.98 ล้านบาท  ภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 4,261.25 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 25 เมษายน 2565)

ทั้งนี้ กฎหมายภาษี e – Service นี้ ได้เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2564 โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต่างประเทศที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้บริการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในประเทศไทยและมีรายได้จากการให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบ VES (VAT for Electronic Service) บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร

นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า ภาษี  e – Service นี้ ช่วยสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจบริการออนไลน์และมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทจะต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในขณะที่ผู้ประกอบการต่างชาติที่ให้บริการออนไลน์เหมือนกันไม่ต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 

นอกจากภาษีนี้จะทำให้เกิดความเป็นธรรม             ในการแข่งขันแล้ว ภาษี  e – Service ยังเป็นการเพิ่มรายได้ทางหนึ่งให้กับประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย อีกทั้งการเก็บภาษี  e – Service จะช่วยให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลรายได้ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติ ที่จะสามารถนำไปใช้ในการคำนวณเป็นฐานภาษีใหม่ที่จะเป็นรายได้อีกทางหนึ่งของประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย           

“การจัดเก็บภาษี e – Service ซึ่งเป็นภาษีประเภทใหม่ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ครึ่งแรก

ของปีงบประมาณ (ต.ค. 2564 – มี.ค. 2565) ได้เกินเป้าตามเอกสารงบประมาณ จำนวน 101,695 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% แต่อีกส่วนมาจากเครื่องมืออื่น ๆ เช่น data analytics ซึ่งมีการนำมาใช้เต็มรูปแบบในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้กรมสรรพากรสามารถระบุกลุ่มสาขาเป้าหมายที่มีศักยภาพ ได้เพิ่มเติมและตรงเป้ามากขึ้น” นายเอกนิติ กล่าว

ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161