“สมศักดิ์” ไขข้อสงสัย… ทำไมเร่ง กมธ.วุฒิสภาผ่านกฎหมายป้องกันทำผิดซ้ำทางเพศ ลั่นเป็นประโยชน์วอนอย่าดึงถ่วง



นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า กระทรวงยุติธรรมเร่งรีบพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ป้องกันทำผิดซ้ำทางเพศ-ความรุนแรง (JSOC) โดยนำเข้า ครม.และส่งไปวุฒิสภา ใช้เวลาเพียง 9 เดือน เร็วกว่ากฎหมายปกติที่เฉลี่ยใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ปี ว่า การพิจารณาที่เร็วนั้น เพราะตนมองเห็นปัญหาของสังคมที่วิจารณ์เรื่องการทารุณทางเพศ หรือเรื่องเกี่ยวกับฆาตกรรม การเรียกค่าไถ่ โดยขณะนี้กฎหมายดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญร่าง พ.ร.บ.ป้องกันทำผิดซ้ำทางเพศ-ความรุนแรง วุฒิสภา 

ทั้งนี้การพิจารณาที่เร็วต้องขอบคุณคนที่เห็นความสำคัญของกฎหมาย ที่จะออกมาป้องกันการกระทำทารุณทางเพศความรุนแรงที่เกี่ยวกับเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ที่ถูกกระทำ เช่น การฆ่าข่มขืน หากออกมาเร็วจะช่วยป้องกันสุภาพสตรีและสร้างความปลอดภัยให้สตรีได้ จึงขอร้องวุฒิสภาพิจารณาให้เสร็จก่อนที่จะเปิดประชุมสภา เพื่อนำเข้าพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป ให้ออกมาเป็นกฎหมาย เพราะกว่าจะบังคับใช้ได้ จะต้องกฎหมายรอง หรือประกาศกระทรวงตามออกมาอีก และเวลานี้อายุของสภาเหลืออีกแค่ไม่กี่เดือน จึงไม่ควรชักข้า ซึ่งก็อยากบอก กมธ.ของวุฒิสภาให้เร่งดำเนินการ

“ที่บอกว่าทำไมเร่งรีบให้เร็ว ก็ต้องขอตอบว่าเพราะผมเป็นผู้แทนและเป็น รมว.ยุติธรรม ผมเห็นว่าเวลาคนถูกฆ่าตายเช่น กรณีไอซ์หีบเหล็ก หรือสมคิด พุ่มพวง ที่กระทำกับผู้หญิงและเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ถ้าเราไม่รีบควบคุมพวกนี้ให้อยู่หมัด จะเสียหายและถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั่วเมือง กฎหมายนี้จึงต้องเร่งออกมาให้ทันในสมัยประชุมสภาหน้า” นายสมศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า กฎหมายฉบับนี้จะรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กฎหมาย JSOC จะป้องกันการทำผิดครั้งที่สอง เพราะจะเฝ้าระวังหลังจากพ้นโทษเป็นเวลา 10 ปี ถ้าเป็นการเฝ้าระวังธรรมดาจะเป็นการติดกำไลอีเอ็ม และมีอาสาสมัครคุมประพฤติของแต่ละหน่วยงานดูแล แต่ถ้าระหว่างนั้นมีอิทธิฤทธิ์ที่ผิดปกติมาก็สามารถขอคุมขังต่อได้ โดยขออำนาจศาลคุมขัง 7 วัน จากนั้นการคุมประพฤติต้องขอผ่านอัยการไปถึงศาล คุมประพฤติได้คราวละ 3 ปี 

ทั้งนี้กฎหมายอาญาควบคุมผู้กระทำผิดใน 12 มาตรา โดย 6 มาตราแรกเกี่ยวกับเรื่องข่มขืนอนาจาร อีก 5 มาตราเป็นเรื่องของการฆ่าหรือทำร้ายผู้อื่น และเกี่ยวกับการเรียกค่าไถ่ 1 มาตรา