

- ออมสินเตรียมหารือธปท. ช่วยกันแก้หนี้เกือบ 1.1 ล้านบาท
- เร่งสรุปแนวทางแก้หนี้ภายใน 1 เดือน
- เล็งลดอกเบี้ย-ยืดหนี้ –หั่นดอกเบี้ยกู้บัตรเครดิตเหลือ 2.5%
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินแก่ธนาคารออมสิน ว่า ได้มอบหมายให้ธนาคารออมสิน หารือกับธนาคารแห่งประเทศ(ธปท.) เพื่อร่วมกันปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ช่วยผ่อนคลายหนี้ดังกล่าว เนื่องจากคนไทยมีหนี้สะสมมานาน ภาระหนี้สูง บางคนแทบไม่มีเงินใช้คืนเลย ดังนั้นจึงอยากให้ธนาคารออมสินช่วยให้ลูกหนี้สามารถกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้จัดตั้งสถาบันเพื่อการพัฒนาฐานรากขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี และภาคการเกษตรให้มีการเพิ่มมูลค่าสินค้า ส่วนภาคประชาชนจะให้วิสาหกิจชุมชนมีการจ้างงานคนชราในพื้นที่เข้ามาทำงานด้วย
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง และธนาคารออมสินจะเข้าไปหารือกับธปท.เกี่ยวกับรูปแบบการปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการ เพื่อหารูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งครั้งนี้ที่ธปท.สนใจแก้หนี้ร่วมกัน เนื่องจากเห็นว่าการปรับโครงสร้างหนี้เกี่ยวข้องกับระบบการเงินของประเทศไทย
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ปัจจุบันหนี้ข้าราชการในระบบมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท และเป็นหนี้ที่กระจายอยู่หลายธนาคาร อย่างไรก็ตามในส่วนของธนาคารออมสินมีบุคลากรของภาครัฐ ซึ่งเป็นลูกหนี้ของธนาคารจำนวน 1.18 ล้านราย วงเงิน 629,138 ล้านบาท

ทั้งนี้ในจำนวนลูกหนี้ 1.18 ล้านราย แบ่งเป็น ข้าราชการพลเรือนและพนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 51% หรือ 600,129 ราย บุคลากรทางการศึกษา หรือ ครู จำนวน 41% หรือ 489,060 ราย และตำรวจ 4% หรือ 48,052 ราย ทหาร 4% หรือ 45,941 ราย อย่างไรก็ตามในภาพรวมการชำระหนี้กลุ่มข้าราชการยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 2.65% เท่านั้น
“หลังจากนี้ธนาคารจะเร่งสรุปรูปแบบการปรับโครงสร้างหนี้ให้เสร็จภายใน 1 เดือน โดยเบื้องต้นมีแนวคิดจะยืดหรือปรับลดดอกเบี้ยในรูปแบบเครดิตเงินคืน เพื่อใช้ในการหักเงินต้นให้กับลูกค้าที่มีประวัติผ่อนชำระหนี้ดีซึ่งคิดเป็น 90% ของจำนวนลูกหนี้ทั้งหมด ส่วนลูกหนี้ที่เป็นเอ็นพีแอล จะต้องปรับโครงสร้างหนี้ให้คนกลุ่มนี้กลับมาเป็นลูกหนี้ชั้นดีก่อนจึงจะได้รับการช่วยเหลือ ส่วนจะมีการแฮร์คัท หรือตัดหนี้ให้เหลือศูนย์หรือไม่ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล”
นอกจากนี้ในเรื่องหนี้บัตรเครดิต จะแบ่งการช่วยเหลือออกเป็น 2 ส่วน คือ ลูกหนี้บัตรเครดิตที่เป็นหนี้เอ็นพีแอล จะต้องเข้าโครงการคลินิกแก้หนี้ของธปท.และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้กลับมาเป็นลูกค้าชั้นดีก่อน
ส่วนลูกค้าชั้นดีที่ยังไม่ได้เป็นหนี้เอ็นพีแอลแต่ได้รับความเดือดร้อน อาทิ มีหนี้ 100,000 บาท แต่ต้องผ่อน 10% เท่ากับผ่อน 10,000 บาทต่อเดือนแต่ฐานเงินเดือนอยู่แค่ 20,000 บาทเท่านั้น เป็นต้น ธนาคารออมสินจะพิจารณาให้ลูกหนี้บัตรเครดิตผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ย 2.5% ของยอดหนี้ ภายในระยะเวลา 4 ปี หรือภายในปี 2566
ส่วนกลุ่มที่มีเงินเดือนและเป็นข้าราชการ อาจจะให้ผ่อนชำระในอัตรา8.5 % ของยอดหนี้ และสำหรับบุคคลทั่วไป ผ่อนชำระในอัตรา 10.5 % ของยอดหนี้ ทั้งนี้ในวันที่ 1 มี.ค.63 ธนาคารออมสินจะประกาศหลักเกณฑ์อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามคาดว่าการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้จะส่งผลให้หนี้ครัวเรือนของไทยลดลงตามไปด้วย