

- ชี้ภาระหนี้ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง อยู่ที่ 211,161 ล้านบาท
- สำนักงบตั้งงบชำระหนี้เงินต้นปีละ 2.3 หมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าวจากกระทรวงการคลังว่า การดำเนินการจัดการภาระหนี้ของรัฐบาลที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวนั้น ล่าสุดภาระหนี้จากโครงการดังกล่าวได้ลดลงต่อเนื่อง นับจากช่วงสิ้นปี 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งมีภาระหนี้ในโครงการรับจำนำข้าวอยู่ที่ 549,867 ล้านบาท และส่วนใหญ่มาจากโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นนโยบายที่ใช้การหาเสียงเลือกตั้ง โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เป็นผู้กู้เงินและกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ให้
ทั้งนี้หลังจากผ่านไป 10 ปีนับจากปี 2554 ที่เริ่มดำเนินการกู้เงินในโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด ปัจจุบัน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ระบุว่า หนี้ในโครงการดังกล่าวลดลงเหลือ 211,161 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภาระหนี้ก้อนนี้จะใช้เวลาประมาณ 8 ปี ก็จะสามารถชำระหนี้ได้จนหมด อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสำนักงบประมาณตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินต้นทุกประมาณ 23,000 ล้านบาท นับจากปีแรกที่เริ่มเป็นหนี้ จนถึงปีสุดท้ายที่ชำระหนี้ คาดว่าจะใช้เวลาใช้หนี้ทั้งหมดรวม 18 ปี
สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จากในปี 2554-2557 กลายเป็นโครงการแทรกแซงตลาดข้าวไทยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยรัฐบาลใช้เงินเพื่อซื้อข้าวเปลือกรวม 54.4 ล้านตัน รวมเป็นเงิน 985,000 ล้านบาท ซึ่งผลขาดทุนจากโครงการนี้ นอกจากจะมาจากการรับจำนำในราคาสูงขณะที่ราคาข้าวในตลาดอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคารับจำนำมากแล้ว ยังเป็นผลมาจากการเสื่อมสภาพของข้าวในสต๊อก คุณภาพข้าวต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด และค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวด้วย รวมแล้วขาดทุนมากกว่า 500,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลัง ได้ดำเนินการปิดบัญชีในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โดยสรุปผลการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวเปลือก จากปี 2547 จนถึงวันที่ 22 พ.ค. 2557 รวม 15 โครงการ พบว่า เป็นการรับจำนำข้าวเปลือกรวม 84 ล้านตัน มีผลขาดทุนรวม 682,000 ล้านบาท และเป็นผลขาดทุนเฉพาะโครงการในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 4 โครงการ รวมเป็นเงิน 518,000 ล้านบาท