

- จ่อนัดถกกรอบเพดานการก่อหนี้
- ชี้ขยับกรอบได้จากปัจจุบันไม่เกิน 60%
นางแพตริเซีย มงคลวณิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน.เตรียมจัดทำแผนบริหารหนี้สาธารณะระยะปานกลางหรือในระยะ 5 ปีข้างหน้า เพื่อวางแผนเงินกู้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ หลังเหตุการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งนี้ คณะกรรมการวินัยการเงินการคลังของรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะต้องประชุมเพื่อกำหนดแผนดังกล่าวในเร็วๆนี้ ซึ่งหากพิจารณาแล้วว่า ประเทศมีความจำเป็นต้องใช้เงินในการดูแลเศรษฐกิจและกรอบเพดานหนี้สาธารณะในปัจจุบันที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันคณะกรรมการชุดดังกล่าวก็สามารถมีมติขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะดังกล่าวได้
“การดูแลเศรษฐกิจไม่ใช่ดูเฉพาะช่วงเวลานี้จะต้องดูในระยะข้างหน้า เช่น 1-2 ปีข้างหน้าว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงินในการดูแลเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด หากจำเป็นต้องกู้และการกู้นั้นอาจทำให้เพดานหนี่สาธารณะสูงกว่ากรอบที่กำหนด ก็สามารถขยายกรอบได้”นางแพตริเซีย กล่าว
อย่างไรก็ตาม จนถึงสิ้นเดือนก.ค.นี้ระดับ หนี้สาธารณะของรัฐบาล อยู่ที่ 55.59% ของจีดีพี ส่วนคาดว่าจนถึงสิ้นปิ้งบประมาณ 2564 หรือ ณ วันที่ 30 ก.ย.ระดับหนี้สาธารณะของรัฐบาล จะอยู่ที่ประมาณ 58% ซึ่งยังต่ำกว่าเพดานที่กำหนด
สำหรับการกู้เงินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐนิกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาตของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันมีกรอบวงเงินเหลืออยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาทและจะต้องกู้ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ ตามกฎหมายในส่วน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงิน 500,000 ล้านบาทนั้นครม.ได้อนมัติกรอบวงเงินใช้จ่ายก้อนเรกจากพ.ร.ก.ฉบับนี้ จำนวน 123, 000 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินใช้จ่ายในโครงการด้านสาธารณสุข 14, 000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นในโครงการเยียวยาประชาชนจนถึงปัจจุบันกู้ไปแล้ว 65,000 ล้านบาท และเบิกจ่ายเงินกู้ไปแล้ว 34, 200 ล้านบาท