สนค.ชี้สินค้าไทย1.5พันรายการได้ประโยชน์จาก “เบร็กซิท”



  • หลังยูเคถอนตัวจากอียูและปรับโครงสร้างภาษีใหม่ 
  • ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มอีก 732 รายการ 
  • จากเดิมยกเว้นให้แล้ว 792 รายการรวมเป็น 1,524 รายการ 

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ประเมินสถานการณ์เบร็กซิทหลังสหราชอาณาจักร (ยูเค) แยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 โดยพบว่า จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออกไทย เพราะยูเคจะปรับโครงสร้างอัตราภาษีใหม่ภายหลังแยกตัวออกมา ให้เหมาะสมกับความต้องการของประเทศ และสนับสนุนให้เกิดการแข่งขัน จากเดิมที่ใช้อัตราภาษีเดียวกับอียู โดยได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ในครัวเรือน สินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิตในห่วงโซ่การผลิต และสินค้าที่ยูเคไม่สามารถผลิตได้เอง รวมถึงสินค้าที่สนับสนุนอุตสาหกรรมสีเขียว เช่น ขวดสุญญากาศ หลอกไฟแอลอีดี) อีกทั้งยังยกเว้นภาษีนำเข้าชั่วคราวให้กับยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อป้องกันโควิด-19 ซึ่งจะช่วยให้การค้าขยายตัวมากขึ้น 

“สินค้าไทยจะได้รับประโยชน์จากภาษีใหม่  โดยมีกลุ่มสินค้าเพิ่มเติมอีก 732 รายการที่ยูเคยกเว้นการเก็บภาษี 732 รายการ จากเดิมมีเพียง 792 รายการ รวมเป็น 1,524 รายการ สินค้าที่จะได้ประโยชน์ เช่น ไก่แปรรูป ถุงมือยาง รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องเพชรพลอย ซอสปรุงรส อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น”

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนเจรจาจัดทำความตกลงทางการค้า (เอฟทีเอ) ยูเค โดยล่าสุดได้ศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการจัดทำเอฟทีเอแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเจรจา ขณะเดียวกัน ยูเคมีเป้าหมายมุ่งหาพันธมิตรทางการค้าให้ครอบคลุม 80% ของสัดส่วนการค้าทั้งหมด ภายใน 3 ปี ซึ่งหากไทยบรรลุข้อตกลงเอฟทีเอกับยูเคได้  จะทำให้ไทยสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดยูเคได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป อัญมณี เครื่องเงิน เครื่องนุ่งห่ม ชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า  

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ย.63 ไทยส่งออกไปยูเค 2,828 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 20.8% จากช่วงเดียวกันของปี 62 คิดเห็นสัดส่วน 1.3% ของการส่งออกทั้งหมดของไทยไปโลก หรือเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 20 ของไทย ขณะที่ไทยนำเข้าจากยูเค 1,643 ล้านเหรียญฯ หดตัว 26.7% โดยไทยเกินดุลการค้า 1,185 ล้านเหรียญฯ