สนค.คาดส่งออกไทยปี 66 ส่อโตแบบชะลอตัว

.เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ดอกเบี้ยพุ่งฉุดกำลังซื้อ
.ศึกรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อดันราคาพลังงาน วัตถุดิบแพงต่อ
.พาณิชย์จับมือผู้ส่งออกเดินหน้าทำแผนเชิงรุกรับมือ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ในปี 66 ภาคการส่งออกของไทยยังคงมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญมากมาย ได้แก่ ตลาดส่งออกหลักขยายตัวลดลง ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป เพราะความต้องการซื้อสินค้าชะลอลงจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ, อัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจากปี 65 เพราะธนาคารกลางหลายประเทศยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่งผลให้ต้นทุนของภาคธุรกิจและครัวเรือนเพิ่มขึ้น จนฉุดกำลังซื้อ


นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากค่าเงินบาทผันผวน จากผลของธนาคารกลางทั่วโลกใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก ที่ยังไม่จบสิ้น ทั้งปัญหารัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงาน วัตถุดิบ อาหารโลกผันผวน รวมถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน-ไต้หวัน ที่กดดันต่อห่วงโซ่การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีขั้นสูง จนส่งผลให้เกิดความขาดแคลน และกระทบต่อการส่งออกไทยได้


อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนการขยายตัว ได้แก่ เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญบางประเทศเติบโตดี โดยเฉพาะเอเชียบางประเทศ ที่เศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก เช่น เอเชียใต้ อาเซียน ตะวันออกกลาง, จีนผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ (ซีโร โควิด) ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 ส่งผลดีต่อการเดินทาง และการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีน ที่จะเพิ่มขึ้น ภาคอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ


ขณะเดียกัน ต้นทุนด้านโลจิสติกส์และค่าระวางเรือมีแนวโน้มลดลง จากราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง แต่มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปี 65 อีกทั้งปริมาณเรือขนส่งสินค้า และตู้คอนเทนเนอร์กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น รวมถึงไทยสามารถส่งออกผลไม้ไปจีนผ่านด่านรถไฟโม่ฮานได้แล้วตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.65 ซึ่งจะทำให้การส่งออกผลไม้ไทยไปจีนตอนใต้ คล่องตัว สะดวก รวดเร็ว และส่งออกได้มากขึ้นแน่นอน


นายพูนพงษ์ กล่าวว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ ร่วมมือกับภาคเอกชน เตรียมแผนรับมือไว้แล้วตั้งแต่ปลายปี 65 ซึ่งเป็นแผนเชิงรุก เพิ่มเติมจากแผนผลักดันการส่งออกเดิม โดยพุ่งเป้าเจาะตลาดใหม่ ตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ตะวันออกกลาง อย่าง ซาอุดิอาระเบีย ประกอบกับ จีนเปิดประเทศ จะทำให้การใช้จ่ายซื้อสินค้าของคนจีนคึกคักขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดรายได้เข้าประเทศให้มากขึ้น


สำหรับเป้าหมายมูลค่าส่งออกไทยปีนี้ คาดว่า นายจุรินทร์ จะประกาศอย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนม.ค.นี้ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการประเมินร่วมกับภาคเอกชน และทูตพาณิชย์ คาดจะชะลอลงจากปี 65 ที่ขยายตัวสูงมาก เพียงแค่ 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) มูลค่าสูงถึง 265,349.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 7.6% เทียบช่วงเดียวกันปี 64 จากเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียง 4% เมื่อคิดเป็นเงินบาทอยู่ที่ 9.167 ล้านล้านบาท ทะลุเป้าหมายทั้งปี 65 ที่ 9 ล้านล้านบาทแล้ว แม้มูลค่าเดือนธ.ค.65 คาดชะลอลง เมื่อเทียบกับฐานของเดือนธ.ค.64 ที่สูงมาก หรือมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 25,419 ล้านเหรียญฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปี 66 หน่วยงานพยากรณ์เศรษฐกิจของไทยหลายแห่ง ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน คาดการณ์ว่า มูลค่าการส่งออกไทยจะชะลอลง และไม่ได้เป็นพระเอกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนปี 65 อีกแล้ว โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) คาดขยายตัว 1% จากปี 65 ที่คาดขยายตัว 7.5% สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดขยายตัว 2-3% จากปี 65 ที่คาดขยายตัว 7-8% ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอกรค้าไทย คาดขยายตัว 1.2% เป็นต้น