“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ชี้ตรุษจีนปีนี้คนกรุงเซฟค่าใช้จ่าย คาดเงินสะพัด 13,150 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน



  • ชี้ยอดซื่อเครื่องเซ่นไหว้ลดลงเล็กน้อยด้านใช้จ่ายท่องเที่ยวแจกแต๊ะเอียหดตัวสูง
  • พบเทรนด์เลือกซื้อเครื่องเซ่นไหว้จัดเป็นชุดมากขึ้นแต่ต้องมีคุณภาพ
  • มองความท้าทายอนาคตลูกหลานคนรุ่นใหม่มีมุมมองต่อเทศกาลที่เปลี่ยนไป

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยถึงเม็ดเงินใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563 จะอยู่ที่ประมาณ 13,150 ล้านบาท หดตัว 3.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายด้านเครื่องเซ่นไหว้ 5,900 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว/ทำบุญ 3,750 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายด้านการแจกเงินแต๊ะเอีย 3,500 ล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญที่กดดันการใช้จ่าย ก็คือกำลังซื้อที่ชะลอตัว โดยค่าใช้จ่ายที่หดตัวสูงได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว/ทำบุญและค่าใช้จ่ายด้านแจกเงินแต๊ะเอีย ส่วนค่าใช้จ่ายด้านเครื่องเซ่นไหว้พบว่าปรับลดลงในสัดส่วนที่น้อยกว่า อย่างไรก็ดีอาจต้องติดตามปัจจัยทางด้านภัยแล้ง หากกระทบต่อราคาสินค้าเครื่องเซ่นไหว้ ที่ปรับสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ปรับขึ้นในปีก่อนๆ อาจส่งผลเชิงลบต่อการตั้งงบประมาณการใช้จ่ายได้

สำหรับการใช้จ่ายด้านเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มีมูลค่าสูงสุด พบว่าในปีนี้กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามสนใจซื้อเครื่องเซ่นไหว้ที่จัดเป็นชุดพอสมควร แม้สัดส่วนยังคงน้อยกว่าการแยกซื้อเครื่องเซ่นไหว้ตามร้านต่างๆ ซึ่งผู้ซื้อเชื่อมั่นต่อคุณภาพสินค้าสูง ซึ่งหากผู้ประกอบการสามารถสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้า และมีชุดสินค้าให้เลือกหลากหลายราคา ก็คาดว่าบริการจัดชุดเครื่องเซ่นไหว้ จะได้รับความสนใจและเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น

ทั้งนี้ปัจจัยทางด้านกำลังซื้อ ถือเป็นความท้าทายในระยะสั้นตามความผันผวนของเศรษฐกิจ ซึ่งอาจปรับดีขึ้นหากเศรษฐกิจกลับมาเติบโตดี แต่ความท้าทายที่สำคัญ สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีน ในระยะข้างหน้าคือมุมมองต่อเทศกาลที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคนรุ่นใหม่บางส่วนที่ยังสืบทอดก็ลดความเคร่งครัดลง ขณะที่บางกลุ่มที่มีอุปสรรคหรือความไม่สะดวกด้านที่พักก็อาจสืบทอดน้อยลง ส่งผลให้ธุรกิจที่คาดหวังในเม็ดเงินค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ต้องมีภารกิจสำคัญในการดึงคนรุ่นใหม่ ให้เข้ามามีส่วนร่วมหรือผูกพันกับเทศกาล เพื่อให้การสืบทอดเทศกาลยังคงมีในรุ่นต่อไป