ศูนย์วิจัยกสิกรไทยส่องธุรกิจแบงก์ไทย แบงก์ไม่ใช่เสือนอนกินอีกต่อไป

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยส่องธุรกิจแบงก์ไทย แบงก์ไม่ใช่เสือนอนกินอีกต่อไป ระบุกติกาใหม่มีผลต่อการดำเนินงานธนาคารพาณิชย์ ต้องเตรียมกลยุทธ์และเร่งปรับตัว ควบคู่ไปกับการรับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกบทความหัวข้อ “ส่อง…ธุรกิจแบงก์ไทย ไตรมาส 2/2566” โดยระบุว่าแม้ในไตรมาส 2/2566 จะมีแรงหนุนจากดอกเบี้ยที่ทยอยขยับขึ้น แต่สินเชื่อที่ขยายตัวช้าลงมาอยู่ในกรอบ 0.5-0.8% YoY อาจส่งผลทำให้รายได้ดอกเบี้ยและ NIM ของระบบแบงก์ไทยขยับขึ้นได้ในกรอบจำกัด โดยคาดว่า NIM จะปรับขึ้นมาอยู่ที่กรอบ 2.96-3.00% นอกจากนี้ สัญญาณการฟื้นตัวแบบเปราะบางของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการมีแรงหนุนน้อยลง โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการในไตรมาสที่ 2/2566 อาจชะลอการขยายตัวมาอยู่ในกรอบ 3.5-5.0% YoY ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่น่าจะยังคงกันสำรองฯ แบบระมัดระวัง เพราะสัดส่วน NPL มีโอกาสขยับขึ้นมาอยู่ในกรอบ 2.68-2.72% ต่อสินเชื่อรวมไตรมาสที่ 2/2566

ต่อภาพออกไปในระยะข้างหน้า กฏเกณฑ์ กรอบกติกา และมาตรการของทางการที่กำลังอยู่ระหว่างทบทวนและหารือในรายละเอียด ซึ่งอาจเริ่มทยอยประกาศออกมาในช่วงหลังจากนี้ อาจมีนัยต่อเนื่องมาที่รายได้หลักของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ โดยเกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) เกณฑ์การคิดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง (Risk-based pricing) และมาตรการ MacroPrudential Policy น่าจะมีผลต่อเนื่องต่อการเติบโตของสินเชื่อโดยเฉพาะรายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก และรายได้ดอกเบี้ย

ขณะที่การเข้ามาดูแลโครงสร้างค่าธรรมเนียมของทางการเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ใช้บริการทางการเงิน ก็อาจมีผลจำกัดกรอบการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า มาตรการทั้งหมดล้วนเป็นกติกาใหม่ที่มีผลต่อการดำเนินงานที่ธนาคารพาณิชย์ต้องเตรียมกลยุทธ์และเร่งปรับตัว ควบคู่ไปกับการรับมือกับโจทย์เฉพาะหน้าซึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2566