

- ชี้เป็นผลมาจากการปรับลดลงของการปรับราคาขายบ้านเดี่ยวที่มีราคาแพงในกลุ่มราคามากกว่า10ล้านบาทขึ้นไปในพื้นที่กรุงเทพฯ–ปริมณฑล
- ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ภาพรวมเพิ่มขึ้น2.0%เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- พบราคาบ้านเดี่ยวลดราคามากในโซนราษฎร์บูรณะ–บางขุนเทียน–ทุ่งครุ–บางบอน–จอมทอง
วันนี้ (18 เม.ย.66) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รายงานดัชนีราคาที่อยู่อาศัยใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายไตรมาส 1 ปี 2566 ในพื้นที่กรุงเทพฯ–ปริมณฑล พบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่ลดลง -1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 (QoQ) ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลดลงของการปรับราคาขายบ้านเดี่ยวที่มีราคาแพงในกลุ่มราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไปในพื้นที่กรุงเทพฯ และกลุ่มราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไปในจังหวัดปริมณฑล ส่วนดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายภาพรวมเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)
ดัชนีภาพรวมราคาห้องชุดที่อยู่ระหว่างขายในพื้นที่กรุงเทพฯมีการปรับตัวขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 2.9% โดยห้องชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการปรับตัว 2.9% แต่ในปริมณฑลเริ่มปรับลดลง-1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) เพื่อส่งเสริมการขายห้องชุดที่เปิดมาก่อนหน้าและยังเหลือขายอยู่
นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้จัดทำดัชนีราคาที่อยู่อาศัย 2 รายการ ประกอบด้วย (1) ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ (บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์) และ (2) ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ ที่อยู่ระหว่างการขายไตรมาส 1 ปี 2566 โดยพบว่า ดัชนีภาพรวมราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2566 ค่าดัชนีมีค่าเท่ากับ 128.3 เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน(YoY) ที่มีค่าดัชนีเท่ากับ 127.3
แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 (QoQ) พบว่า ดัชนีภาพรวมราคาบ้านจัดสรรลดลงเล็กน้อย -1.5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าราคาบ้านจัดสรรในปี 2566 ได้มีการปรับตัวขึ้นจากปีก่อนแล้ว แต่มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยในไตรมาส 1 ปี2566 เนื่องจากมีการปรับลดราคาขายเล็กน้อยเพื่อการกระตุ้นยอดขายบ้านจัดสรร และเสนอให้สอดคล้องกับความสามารถในการซื้อของกลุ่ม Real Demand

ทั้งนี้ ดัชนีภาพรวมราคาบ้านจัดสรรตามพื้นที่ พบว่า กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 126.0 ลดลง -0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ลดลง -0.1% ด้าน 3 จังหวัดปริมณฑล(สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี) มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.0 เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ลดลง -2.6%
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงราคาที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่เป็นการปรับราคาลงจากโครงการประเภทบ้านเดี่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการเก่าที่เปิดขายมาก่อนหน้าไตรมาสนี้ และการผลิตส่วนใหญ่ยังเป็นต้นทุนเดิม และพบว่าส่วนมากเป็นโครงการในพื้นที่ปริมณฑล แต่อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจภาคสนามได้พบว่าโครงการบ้านจัดสรรที่เกิดขึ้นใหม่มีการปรับราคาขายสูงขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้นแล้ว
สำหรับดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 127.1 เพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ลดลง -3.0%
ทั้งนี้ กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 122.1 ลดลง -2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ลดลง -1.2% การลดลงของราคารบ้านเดี่ยวในกรุงเทพพฯในไตรมาสนี้ เป็นการส่งเสริมการขายบ้านเดี่ยว โดยมีการลดราคาส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวที่มีราคาในระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ที่มีการพัฒนามากในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะพบมากในโซนราษฎร์บูรณะ–บางขุนเทียน–ทุ่งครุ–บางบอน–จอมทอง โซนพระโขนง–บางนา–สวนหลวง–ประเวศ และโซนลาดพร้าว–บางกะปิ–วังทองหลาง–บึงกุ่ม–สะพานสูง–คันนายาว
ส่วนด้าน3จังหวัดปริมณฑลมีค่าดัชนีเท่ากับ129.5เพิ่มขึ้น2.9%เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน(YoY)แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า(QoQ)ลดลง-3.8%โดยเป็นการลดลงในกลุ่มระดับราคา7.51 – 10ล้านบาทขึ้นไปซึ่งจะพบมากในโซนบางกรวย–บางใหญ่–บางบัวทอง–ไทรน้อยโซนเมืองนนทบุรี–ปากเกร็ดและโซนเมืองปทุมธานี–ลาดหลุมแก้ว–สามโคก

ด้านดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.7 เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เพิ่มขึ้น 0.3% โดยกรุงเทพฯมีค่าดัชนีเท่ากับ 129.5 เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เพิ่มขึ้น 1.0% ซึ่งเป็นเพราะเป็นโครงการราคาสูงที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน ส่วน 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 128.5 ลดลง -2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า(QoQ) ลดลง -1.1% ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับราคาลงเพื่อการส่งเสริมการตลาด เนื่องจากยังมีอุปทานมากในพื้นที่ปริมณฑล โดยเฉพาะในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท
สำหรับรายการส่งเสริมการขายบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ 38.7% เป็นของแถมมากที่สุด เช่น ฟรีแอร์ ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า จัดสวน ปูหญ้า แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนซึ่งมีสัดส่วน 36.2% รองลงมา 38.1% ให้ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนฯ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วน 40.4% และ23.2% เป็นการให้ส่วนลดเงินสด ลดลงจากไตรมาสก่อนซึ่งมีสัดส่วน 23.4%
นายวิชัย กล่าวต่อว่า สำหรับดัชนีราคาภาพรวมห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ–ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 154.7 จุด เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า การปรับตัวขึ้นของดัชนีราคาห้องชุดใหม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจนในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ ขณะที่พื้นที่จังหวัดปริมณฑลยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้ว โดยพบว่าดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในไตรมาส 1 ปี 2566 เมื่อพิจารณาแยกตามพื้นที่ พบว่า กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 157.7 จุด เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งเป็นเพราะเป็นโครงการที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานและมีการปรับราคาขึ้นแล้ว
ด้าน 2 จังหวัดปริมณฑล (สมุทรปราการ และ นนทบุรี) มีค่าดัชนีเท่ากับ 141.5 จุด ลดลง -1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และลดลง -0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับราคาลงเพื่อการส่งเสริมการตลาดในโครงการเปิดมาก่อนหน้านี้ซึ่งยังเป็นต้นทุนเดิมอยู่
สำหรับรายการส่งเสริมการขายห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้พบว่า ส่วนใหญ่ 39.9% เป็นส่วนลดเงินสด ซึ่งลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีสัดส่วน 42.7% สำหรับรูปแบบการส่งเสริมการขายรองลงมาเป็นการให้ของแถม มีสัดส่วน 35.1% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วน 32.6% และการให้ส่วนลดฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ มีสัดส่วน 25.0% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วน 24.7%