ศุลกากร ชี้กรณี “ทักษิณ” เปลี่ยนนาฬิกาข้อมือเมื่อเดินทางถึงไทยทำได้



“ศุลกากร” เผยการสลับนาฬิกาก่อนเข้าไทยจาก 100 ล้าน เป็นหลักหมื่น ตามกฎหมายสามารถทำได้

  • พร้อมระบุชัดของติดตัวผู้เดินทางที่มีการใช้งานแล้วสมควรแก่ฐานะ ได้รับการยกเว้นภาษี
  • ชี้หากเป็นกรณีผู้เดินทางขาเข้าประเทศ ซื้อสินค้าใส่กล่องกลับมา กรมฯ จะมีการเข้าไปตรวจทันที

ผู้สื่อข่าวายงานว่า จากกรณีที่มีภาพปรากฎในสื่อออนไลน์ ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (22 ส.ค.) โดยสื่อหลายสำนักมีการพูดถึงนาฬิกาสุดหรู ที่ปรากฎอยู่บนข้อมือของนายทักษิณ ก่อนก้าวเท้าถึงประเทศไทย คือ นาฬิกาสุดหรู ยี่ห้อ Patek Philippe (ปาเต็ก ฟิลิปป์) รุ่น 2019 NEW Grand Complications 47.4 mm Grandmaster Chime 6300G ที่มีราคาจำหน่ายในช็อปมากกว่า100 ล้านบาท กลับกันแต่พอเดินทางมาถึงประเทศไทย ขณะเดินออกมาก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ กลับสลับใส่นาฬิกาข้อมือเป็น Swatch X Omega Mission to the Mars แทน ที่มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 9,300 บาทเท่านั้น ซึ่งในจุดนี้มีการตั้งคำถามกันว่า ถือเป็นการหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่

ล่าสุด นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า เดิมของติดตัวผู้เดินทางที่ใส่มาเลย ไม่ได้เป็นการหิ้วมีกล่องมาด้วย หรือห้อยป้ายสินค้ามา ตามกฎหมายของกรมศุลกากร จะไม่มีการเข้าไปเก็บภาษี แม้จะมีการสลับเปลี่ยนระหว่างเดินทางก็ตาม

ทั้งนี้ ตามกฎหมายอนุญาต สามารถให้นำของที่ติดตัวมาได้ ไม่ว่าจะเป็นสร้อย แหวน นาฬิกา หรือพระเครื่อง เป็นต้นโดยกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า หากเป็นของติดตัวผู้เดินทางสมควรแก่ฐานะ จะได้รับการยกเว้นภาษี และกรมศุลกากรไม่ได้มีการกำหนดว่าจะต้องราคาไม่เกินเท่าใด

อย่างไรก็ตาม หากเป็นกรณีที่ผู้เดินทางขาเข้ามาในประเทศ ซื้อสินค้าใส่กล่องกลับมา กรมฯ จะมีการเข้าไปตรวจทันทีและหากพบว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ก็จะต้องดำเนินการเสียภาษีให้ถูกต้อง เช่น กรณีที่นาฬิกาอยู่ในกล่อง ยังไม่ตัดสาย เป็นต้น แต่กรณีของนายทักษิณนั้น เป็นของใช้ส่วนตัว และมีการใช้มาแล้ว จะได้รับการยกเว้นภาษี