

- พร้อมแต่งตั้งเป็นคณะทำงานร่วมกับภาคเอกชน
- จัดทำแผนหวังลดต้นทุนการขนส่งสินค้าตลอดเส้นทาง
- พร้อมเพิ่มขีดความสามารถ และโอกาสในการแข่งขันในเวทีการค้าโลก
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมสร้างความเข้าใจร่วมกับภาคเอกชนต่อการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีนว่า จากการประชุมร่วมกับภาคเอกชน ประกอบด้วย หอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรม และสมาคมผู้ประกอบการด้านการขนส่ง ทางภาคเอกชนยังได้แสดงความเห็นที่จะให้กระทรวงคมนาคมปรับแผนรองรับจำนวนการขนส่งให้มีปริมาณมากขึ้นจากปัจจุบันรถไฟลาว-จีนสามารถรองรับ 30 ขบวนต่อวัน และให้ภาครัฐเร่งก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย รวมถึงสถานีนาทาในแผนระยะเร่งด่วน พร้อมเสนอให้มีการเปิดด่าน 24 ชั่วโมง และให้บูรณาการร่วมกันระหว่างสถานีนาทา และท่านาแล้งนอกจากนั้นทางเอกชนได้เสนอให้ออกแบบสะพานรถไฟให้สามารถรองรับการใช้งานของรถไฟ และรถยนต์ เพื่อใช้ควบคู่กัน และพิจารณาก่อสร้างสถานีสำหรับขนถ่ายสินค้าและผู้โดยสารที่สถานีหนองคายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและสินค้าด้วย

ขณะเดียวกันยังเสนอให้ รฟท. เตรียมพื้นที่สำหรับการรองรับการขนส่งสินค้าเกษตรที่เป็นผักและผลไม้ รวมถึงการจัดเตรียมระบบโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold-Chain) เพื่อรองรับสินค้าเกษตร และเสนอให้มีการกำหนดจุดตรวจร่วมพิธีทางศุลกากร (CCA) และพิจารณาเพิ่มจุดผ่อนปรนบริเวณพื้นที่ชายแดน เนื่องจากในปัจจุบันค่าขนส่งสินค้าทางรางจากจีนมาไทยพบว่ามีค่าระวางที่ไม่สูง แต่กรณีการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีน ยังมีค่าระวางที่สูง ดังนั้นจึงให้ รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา

นอกจากนั้นทางภาคเอกชนยังได้เสนอให้มีการพิจารณาจัดทำแผนการเชื่อมโยงผ่านลาว และจีนไปยังเอเชียกลางยุโรป และเส้นทางในบริเวณทางใต้ของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการขนส่ง รวมถึงพิจารณาเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าผ่านระบบรางมายังกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบังด้วย รวมถึงให้มีการปรับปรุงมาตรฐานด้านสัญญาการขนส่งทางรถไฟ และปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและให้ภาคเอกชนมามีส่วนร่วมในการเดินรถไฟร่วมกับ รฟท. นอกจากนั้นทางภาคเอกชนยังเสนอตัวที่จะเข้ามา ร่วมเป็น Team Thailand ร่วมกับภาครัฐของไทย ในการจัดทำแผนเชื่อมโยงระหว่างสามประเทศทั้ง ไทย ลาว และจีนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ

นายศักดิ์สยาม ได้สั่งการในที่ประชุมให้รับความเห็นของภาคเอกชนไปดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดทำแผนเชื่อมโยงระหว่างสามประเทศทั้ง ไทย ลาว และจีน รวมถึงได้สั่งการให้ รฟท. จัดทำ Action Plan สำหรับดำเนินการจัดทำลานกองเก็บตู้สินค้า (CY) และเตรียมแคร่สำหรับ Cold-Chain พร้อมนี้ได้สั่งการให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้ภาครัฐได้รับทราบความต้องการของภาคเอกชน โดยจะให้มีการประชุมร่วมกันทุกเดือน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รองรับการเดินทางและขนส่งระหว่างประเทศ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาคที่ยั่งยืน เพื่อสร้างโอกาสให้ประเทศไทยในการส่งเสริมการขยายตัว ด้านอุตสาหกรรม การเกษตร การค้า การลงทุนและบริการ และเพิ่มขีดความสามารถและโอกาสในการแข่งขันในเวทีการค้าโลก
