“ศักดิ์สยาม”เดินหน้าเร่งผลักดันโครงการช่องทางพิเศษสำหรับสินค้าเน่าเสียหวังเพิ่มมูลค่าส่งออกพืชผักผลไม้สู่ตลาดโลก



  • จับมือกระทรวงเกษตรฯพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร
  • หวังยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบสินค้าเกษตร
  • เพิ่มมูลค่าการส่งออก พืช ผัก ผลไม้ ออกสู่ตลาดโลก

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานในโครงการช่องทางพิเศษสำหรับสินค้าเน่าเสียง่าย (Perishable Premium Lane : PPL) ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (ทอท. ) ว่า ได้สั่งการให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข. )ร่วมกับ ทอท. เร่งจัดทำรายละเอียด MOU ระหว่างกระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถลงนามได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 รวมถึงจัดทำ Action Plan เพื่อให้การดำเนินงานเกิดความชัดเจน และสามารถมุ่งไปสู่การพัฒนาเป็นศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก (Certified Hub) ในอนาคต ทั้งนี้จะมีการกำหนดการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานดังกล่าวในเดือนพฤษภาคม 2565 ต่อไป

ทั้งนี้การจัดตั้งพัฒนาศูนย์ตรวจสอบและรับรองดังกล่าว เพื่อเป็นศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าการเกษตรก่อนส่งออกไปยังประเทศปลายทางได้อย่างมีมาตรฐานสากล ซึ่งในระยะแรกจะดำเนินการจัดตั้ง สถานที่สำหรับเตรียมสินค้าเกษตร สินค้าเน่าเสียง่าย และตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนส่งออกต่อไปในอนาคตผ่านทางช่องทางพิเศษ” (Perishable Premium Lane) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงสถานที่ให้บริการ บริเวณอาคารคลังสินค้า 4 (WH4) อยู่ภายในเขตปลอดอากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยดำเนินงานผ่านบริษัทจำกัดในนาม บริษัท ท่าอากาศยานไทย ทาฟ่า โอเปอเรเตอร์ จำกัด (AOT TAFA Operator Co.,Ltd : AOTTO)ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ทอท. และ บริษัท ทาฟ่า คอนซอร์เที่ยม จำกัด

นายศักดิ์สยาม กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณารายละเอียดของการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวงคมนาคม โดย ทอท. และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมวิชาการเกษตร เกี่ยวกับแผนการดำเนินงานในระยะยาวของโครงการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตรก่อนส่งออก (Pre-shipment Inspection Center) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างทั้งสองกระทรวงในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร และการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรก่อนส่งออกทางอากาศไปยังประเทศปลายทางได้อย่างมีมาตรฐานสากล และเป็นการยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบสินค้าเกษตรให้แก่ผู้ส่งออกและเกษตรกรไทย รวมทั้งยังเป็นการสนับสนุนการส่งออกสินค้าภาคเกษตรเพิ่มมูลค่าประเภท พืช ผัก ผลไม้ ไปสู่ตลาดต่างประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางอากาศและระบบโลจิสติกส์ในภาพรวมของประเทศ โดยในระยะแรกจะเริ่ม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและจะขยายต่อไปยังท่าอากาศยานอื่น ๆ ในอนาคต

ซึ่งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะร่วมมือกันในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ร่วมกันพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพและมาตรฐานสูงขึ้น,ร่วมกันวางระบบการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรก่อนบรรทุกขึ้นเครื่องบิน (pre-shipment inspection) เพื่อขนส่งไปยังประเทศปลายทาง ,ร่วมกันผลักดันและโน้มน้าวให้ประเทศคู่ค้าตระหนักถึงประโยชน์ของการตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนบรรทุกขึ้นเครื่องบิน ,ร่วมกันผลักดันและโน้มน้าวให้ประเทศคู่ค้าส่งเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรหรือหน่วยงานที่ได้รับความไว้วางใจมาตรวจสอบสินค้าเกษตร ณ ท่าอากาศยานของไทยก่อนบรรทุกขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศปลายทาง

ขณะเดียวกันจะมีการจัดตั้งคณะทำงานหรือคณะเจรจาเพื่อติดต่อประสานงานกับประเทศต่าง ๆ หรือหน่วยงาน หรือองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ,ร่วมกันจัดสัมมนาหรือการฝึกอบรมให้แก่บุคลากรของทั้งสองฝ่าย หรือให้แก่บุคคลภายนอก รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน ,ร่วมกันพัฒนาระบบดิจิตอลหรือโซลูชั่นเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน และเพื่อประสานการทำงานของทั้งสองกระทรวงภายใต้ MOU ฉบับนี้ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ,จัดตั้งงบประมาณเชิงบูรณาการเพื่อดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้ MOU ฉบับนี้