

“ศักดิ์สยาม”เดินหน้าตั้งบริษัทลูก บริหารทรัพย์สิน รถไฟไทย มั่นใจ!เสร้างรายได้กว่า1.2แสนล้านบาท ภายใน 10 ปี คาดเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนภายใน ธ.ค.นี้ พร้อมสั่งหารายได้จากพื้นที่มีศักยภาพ “พระราม 9-คลองตัน–รัชดาฯ” พ่วงพัฒนา TOD “สถานีธนบุรี”
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าการจัดตั้ง บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยว่า จะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงหลักหรือธรรมนูญใหญ่ที่ใช้ในการดำเนินงานระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า “Master Agreement” ระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)กับ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ในเร็วๆนี้ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีการระบุให้ เอสอาร์ที แอสเสท เป็นผู้ทำหน้าที่หลักในการบริหารทรัพย์สินของรฟท. รวมถึงการให้สิทธิในการบริหารอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินของ รฟท.ทั้งหมด
ทั้งนี้ในการการบริหารทรัพย์สินของรฟท. ภายใต้ เอสอาร์ที แอสเสท นั้นจะมีการใช้วิธีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารใหม่ ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในยุคโลกาภิวัตน์ ดังนั้นบริษัทดังกล่าวจึงได้มีการดำเนินการเตรียมความพร้อมในด้านกระบวนการทางกฎหมาย โดยได้มีการขอยกเว้นพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนในด้านการบริหารจัดการและทางด้านธุรกิจ ได้มีการวางแผนในการกำหนดการมอบสิทธิในการบริหารที่ดิน เพื่อให้ เอสอาร์ที แอสเสท รับมอบสิทธิการบริการที่ดินของ รฟท.ได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ เอสอาร์ที แอสเสท ยังได้มีการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารโครงการใหญ่ๆ โดยมีดำเนินการในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งไม่ได้ดำเนินการในรูปแบบการให้เช่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะมีการบริหารทรัพย์สินให้เกิดมูลค่า ซึ่งการบริหารสิทธิในที่ดินต่างๆ คาดว่าจะถูกทำให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนได้ภายในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ซึ่และจากการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน คาดว่า บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้การรถไฟแห่งประเทศไทยได้โดยมีมูลค่าสูงถึง 125,175.44 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังได้สั่งการให้ รฟท.ไปพิจารณาพื้นที่แปลงใหญ่ที่มีศักยภาพของ รฟท. เช่น พื้นที่บริเวณถนนพระราม 9 จากแยกคลองตัน และถนนรัชดาภิเษก มาเพิ่มศักยภาพเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม ขณะเดียวกันในช่วงที่ยังไม่ได้ดำเนินการพื้นที่แปลงใหญ่ ให้ รฟท.เร่งนำพื้นที่แปลงขนาดกลางและขนาดเล็กมาเร่งพัฒนาให้เกิดรายได้ก่อน นอกจากนั้นได้ให้ รฟท.ไปพิจารณษเปรียบเทียบ บริษัทลูก ของบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด กับบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด เพิ่มเติม เพื่อสร้างความคล่องตัวและเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งนี้ ให้ความสำคัญกับหลักธรรมาภิบาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการบริหารสินทรัพย์ที่ดินที่มีแล้ว ให้ เอสอาร์ที แอสเสท ไปพิจารณาดำเนินการการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟ-รถไฟฟ้า หรือ TOD ด้วย โดยเฉพาะ สถานีธนบุรี ซึ่งสถานีดังกล่าวมีความสำคัญอยู่ติดกับโรงพยาบาลศิริราช มีระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่อถึง 3 สาย สามารถใช้เป็นต้นแบบการพัฒนาแบบ TOD ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมได้ รวมถึงให้ เอสอาร์ที แอสเสท ไปพิจารณาความเหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่แปลงศูนย์การแพทย์บริเวณสวนจตุจักรด้วย

