

- มั่นใจไม่กระทบการลงทุน
- ใช้แนวทางจัดหาแหล่งเงินกู้
- เพดานหนี้สาธารณะของไทยเหลือ 20%
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่วถึงประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติงบประมาณ ประจำปี 2563 จะเป็นโมฆะ ตามที่มีผู้ยื่นคำร้องจากกรณีมี การเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส.หรือไม่ นั้นในวันพรุ่งนี้ (7ก.พ.)ประเด็นดังกล่าว เชื่อมั่นว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาในลักษณะใด จะไม่ส่งผลกระทบกับแผนการลงทุนของกระทรวงคมนาคมที่จะใช้งบประมาณประจำปี 2563 ในการเบิกจ่ายเริ่มต้นโครงการ ซึ่งจากการหารือกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ระบุว่าสำหรับโครงการที่มีความจำเป็นในช่วงเริ่มต้นของโครงการหากยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ ก็สามารถใช้แนวทางจัดหาแหล่งเงินกู้ เพื่อนำมาเบิกจ่ายก่อนจนกว่าระบบการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 จะเริ่มเบิกจ่ายเข้าระบบได้ โดยนายกรัฐมนตรีระบุชัดเจนว่า ปัจจุบันนี้เพดานหนี้สาธารณะของไทย ยังมีเหลืออยู่อีก 20% ที่สามารถจัดหาแหล่งเงินกู้เพิ่มได้ โดยไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง
ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่าหากการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนในปี 2563 ยังไม่สามารถดำเนินการได้ และจำเป็นต้องใช้แนวทางในการกู้เงินนั้น สนข.จะพิจารณาในรายละเอียดเพื่อนำเสนอแผนว่าโครงการที่มีความสำคัญและต้องเร่งดำเนินการไม่ว่าจะเป็นโครงการถนนหลวงเส้น ในกำกับดูแลของกรมทางหลวงโครงการระบบรางเช่นโครงการรถไฟทางคู่ต่างๆ ในช่วงเริ่มต้นที่จำเป็นต้องใช้เม็ดเงินในการเบิกจ่ายการลงทุนในระยะสั้น จะต้องดำเนินการโครงการใดบ้างและใช้เม็ดเงินกู้เท่าไหร่นั้น สนข. อยู่ระหว่างรวบรวมตัวเลขเพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคมอีกครั้ง กรณีที่คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุน ในงบประมาณปี 2563 ยังไม่สามารถเริ่มเบิกจ่ายได้