“ศักดิ์สยาม”จัดหนักจังหวัดพิจิตร เร่งสร้าง“ถนน-รถไฟ-ลอกร่องน้ำ -สนามบิน” มั่นใจส่งเสริมการเดินทางในภูมิภาค ส่งเสริมท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ



นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม  เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการ พัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่จังหวัดพิจิตร  ว่า ตามนโยบายรัฐบาลให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนา โครงสร้างพ้ืนฐานด้านคมนาคมขนส่งอย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทุกมิติท้ังทางถนน ทางราง ทางน้า และทางอากาศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ ล่าสุดได้ลงพ้ืนท่ีตรวจราชการจังหวัดพิจิตร  เพื่อติดตามความก้าวหน้าและเร่งรัดโครงการที่สำคัญในการขับเคล่ือนการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ในพ้ืนท่ีจังหวัดพิจิตร โดยในส่วนของการพัฒนาโครงข่ายถนนกรมทางหลวง(ทล.) ได้มีการสร้างถนน  9โครงการ โครงข่ายถนนกรมทางหลวงชนบท(ทช.) จำนวน 2 โครงการจะแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 66-68 ซึ่งได้ให้นโยบายว่าให้ เร่งรัดการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงบริเวณจุดคอขวดไม่ให้เกิดปัญหาจราจรติดขัด

สำหรับการพัฒนาโครงข่ายถนนทางหลวง 9 โครงการประกอบด้วย 1.ทางหลวงหมายเลข 11 แยกอินทร์บุรี – อาเภอสากเหล็ก ตอนอาเภอทับคล้อ – อาเภอสากเหล็ก ระยะทาง 30.900 กิโลเมตร (ขยายเป็น 4 ช่องจราจร) ปัจจุบันมีความก้าวหน้าโครงการ   41.93% คาดว่า จะเปิดให้บริการในปี 66 , 2.ทางหลวงหมายเลข 11 อาเภออินทร์บุรี – อาเภอสากเหล็ก ตอนไดตาล – เขาทราย ตอน 3 ระยะทาง 19.523 กิโลเมตร (ขยายเป็น 4 ช่องจราจร) ปัจจุบันมีความก้าวหน้าโครงการ 26.29% คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 67 , 3 ทางหลวงหมายเลข 115 กาแพงเพชร – พิจิตร ตอนตาบลบึงบัว – บ้านคลองโนน ระยะทาง 9.150 กิโลเมตร (ขยายเป็น 4 ช่องจราจร) ลงนามในสัญญาเม่ือวันที่ 18 กรกฎาคม  65 คาดว่า จะเปิดให้บริการในปี  67 , 4 ทางหลวงหมายเลข 115 กาแพงเพชร – พิจิตร ตอนบ้านเนินสมอ – ส่ีแยกสากเหล็ก ระยะทาง 10.860 กิโลเมตร (ขยายเป็น 4 ช่องจราจร) ปัจจุบันมีความก้าวหน้า  25.46% คาดว่า จะเปิดให้บริการในปี  67 

 5. ทางหลวงหมายเลข 1067 บ้านโพทะเล – สี่แยกโพธิ์ไทรงาม ระยะทาง 11.400 กิโลเมตร (ปรับเป็นมาตรฐานทางชั้น 1) ปัจจุบันมีความก้าวหน้าโครงการ   1.42% คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี  68 , 6 โครงการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงหมายเลข 113 ตอนเขาทราย – ฆะมัง กม.81+400 – 84+600 โดยขยายเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทาง 30.200 กิโลเมตร ผลงานก่อสร้าง 62.55 % ,7 โครงการก่อสร้างปรับปรุงแยกทางหลวง ทางหลวงหมายเลข 1070 และทางหลวง หมายเลข 1289 โดยปรับปรุงทางแยกและเพิ่มมาตรฐานชั้นทางหลวง ผลงานก่อสร้าง  34.68 % ,8 โครงการยกระดับความปลอดภัยทางแยกขนาดใหญ่ ทางหลวงหมายเลข 113 กม.81+202 (แยกศิริวัฒน์) โดยก่อสร้างปรับปรุงเปลี่ยนผิวจราจรทางแยกเป็นผิวคอนกรีต ผลงานก่อสร้าง 82.90% และ 9. โครงการยกระดับความปลอดภัยทางแยกขนาดใหญ่ ทางหลวงหมายเลข 115 กม.86+308 (แยกดงชะพู) โดยก่อสร้างปรับปรุงเปลี่ยนผิวจราจรทางแยกเป็นผิวคอนกรีต ผลงานก่อสร้าง 88.20% 

ส่วนการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงชนบท 2 โครงการ ประกอบด้วย 1 โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้าน่าน ตาบลห้วยเกตุ อาเภอตะพานหิน เพื่ออานวยความสะดวก ในการเดินทางของประชาชนสองผั่งแม่น้า มีจุดเริ่มต้นจากทางหลวงหมายเลข 1374 บรรจบทางหลวงหมายเลข 113 ผลการก่อสร้างมีความก้าวหน้า  3.10% ตามแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้สัญจรได้ในปี 67 และ 2 โครงการก่อสร้างสะพานขามแมน้านาน ตาบลปากทาง อาเภอเมืองพิจิตร เพื่อเชื่อมโยง ชุมชนหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 ตาบลปากทาง อำเภอเมืองพิจิตร โดยก่อสร้างเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมถนน  จราจรความกว้าง 8 เมตร ความยาว 360 เมตร ผลการก่อสร้างมีความก้าวหน้า  2.32%  ตามแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้สัญจรได้ในปี  67 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นกระทรวงคมนาคมยังมีแผนพัฒนาระบบราง โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็น แผนพัฒนารถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน (ปี60 – 64) จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 993 และแผนพัฒนา รถไฟทางคู่ระยะที่ 2 (ปี65 – 69) จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,483 กิโลเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างขออนุมัติโครงการ  โดยการพัฒนา เส้นทางรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 นั้น จะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ  โดยเฉพาะ เส้นทางปากน้าโพ – เด่นชัย ซึ่งโครงการนี้จะอยู่ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และแพร่ ระยะทาง 281 กิโลเมตร  ดังนั้นคมนาคมจะเร่งรัดให้ดำเนินการตามเป้าหมาย เพื่อเพิ่มศักยภาพระบบรางในจังหวัดพิจิตร ซึ่งนอกจากรถไฟทางคู่ ยังมีแผนเร่งรัดพัฒนารถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ ระยะทาง 2,506 กิโลเมตรด้วย ซึ่งเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ – พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร และเส้นทางพิษณุโลก – เชียงใหม่ ระยะทาง 288 กิโลเมตร ปัจจุบัน ได้ดำเนินการออกแบบกรอบรายละเอียดแล้วเสร็จ  

ส่วนมิติการพัฒนาทางน้ำ จังหวัดพิจิตร มีโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง จำนวน 8 งาน ซึ่งกรมเจ้าท่า ได้ขุดรอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ  และโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้าบึงสีไฟ ระยะที่ 1  แล้ว และเพื่อให้การพัฒนาต่อเนื่องได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าบูรณาการกับกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อไม่ให้เกิดการพัฒนา โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งพังทับซ้อนกัน 

ส่วนการพัฒนาทางอากาศ จะเห็นว่าจังหวัดพิจิตรอยู่ห่างจากจังหวัดพิษณุโลกประมาณ 90 กิโลเมตร สามารถเดินทางใช้ท่าอากาศยานพิษณุโลกได้อย่างสะดวก ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนาสนามบินพิษณุโลก เป็นงานก่อสร้างลานจอดรถยนต์ และปรับปรุงสนามบินพิษณุโลก นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังมีโครงการเพื่อเชื่อมโยงระบบการขนส่งสาธารณะ จากสถานี ขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพิจิตร ประกอบด้วย รถหมวด 1 จำนวน 2 เส้นทาง รถหมวด 2 จำนวน 2 เส้นทาง รถหมวด 3 จำนวน 6 เส้นทาง รถหมวด 4 จำนวน 5 เส้นทาง ทั้งนี้ เมื่อโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดพิจิตรเสร็จสมบูรณ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว  รองรับปริมาณการเดินทางและการขนส่งที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างเพียงพอ ซึ่งจะมีส่วนสาคัญในการส่งเสริม กระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี 

นายศักดิ์สยาม ยังได้กล่าวต่อถึงแผนแม่บท MR-MAPว่า  โครงข่ายคมนาคมดังกล่าวจะประกอบไปด้วย ถนนมอเตอร์เวย์และทางรถไฟ พัฒนาอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกันเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางในพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทยให้สามารถเดินทาง ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ส่งเสริมการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ซึ่ง MR-MAPจะดำเนินการจำนวน 10 สายทาง ระยะทางรวมทั้งหมดประมาณ 6,869 กิโลเมตรครอบคลุมทั่วประเทศ ปัจจุบันคณะกรรมการจัดการจราจรทางบกได้เห็นชอบแผนแม่บท ดังกล่าวแล้ว ซึ่งกรมทางหลวง และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)จะสำรวจและออกแบบในรายโครงการต่อไป ทั้งนี้มีแนวเส้นทาง MR-MAP ที่พาดผ่านในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ได้แก่ แนวเส้นทาง MR1 เชียงราย – นราธิวาส ระยะทางรวมประมาณ 2,125 กิโลเมตร โดยเส้นทางนี้สามารถเชื่อมโยงการเดินทางจากเมียนมา สปป.ลาว ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และมาเลเซีย ได้