

“ศักดิ์สยาม”รับนโยบายนายกรัฐมนตรีจัดพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1สุวรรณภูมิ เป็นโรงพยาบาลสนามรับผู้ป่วยโควิดแทนโรงพยาบาลบุศราคัม อิมแพคเมืองทอง ที่จะหมดสัญญเช่าสิงหาคมนี้ิ มั่นใจรองรับผู้ป่วยโควิดได้มากกว่าสถานที่เดิม 3เท่า
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ป่วยที่รอรับการรักษาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดังนั้นทางภาครัฐจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม (ชั่วคราว) เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ประกอบกับพื้นที่ที่ตั้งของโรงพยาบาลบุศราคัม ที่อิมแพค เมืองทองธานี จะหมดสัญญาเช่าพื้นที่ในเดือน สิงหาคมนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข จึงได้ประสานมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อขอพื้นที่ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมมาเป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วย

ดังนั้นจึงได้มีนโยบายสั่งการให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.) จัดปรับพื้นที่อาคารเทียบเครื่องรองหลังที่ 1 หรือ SAT1 สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งอาคารดังกล่าวเป็นอาคาร 4ชั้น พื้นที่ใช้สอยกว่า 216,000 ตารางเมตร และก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ มีระบบปรับอากาศ น้ำประปาพร้อมแล้้ว และยังไม่เปิดใช้งาน ปรับมาเป็นโรงพยาบาลสนาม คาดว่าจะรองรับผู้ป่วยได้มากกว่าโรงพยาบาลบุศราคัมกว่า 3เท่า ดังนั้นจึงให้ปรับพื้นที่บางส่วนมาเป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด โดยในช่วงเย็นของวันนี้ (6 ก.ค.) ทางกระทรวงสาธารณสุข จะเข้าไปสำรวจพื้นที่ เบื้องต้นหากมีการปรับเป็นโรงพยาบาลสนามจะต้องปรับพื้นที่เพิ่มเติม เป็นห้องอาบ้ำ ตลอดจนเพิ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆเข้าไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเย็นของวานนี้(6กค) ทางนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หร้อมด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ตรวจ SAT1 ซึ่งได้ข้อสรุปจากทางสาธารณสุขว่าพื้นที่ SAT1 เหมาะสมที่จะทำโรงพยาบาลสนาม โดยใช้พื้นที่ประมาณ 1 แสนตารางเมตร ซึ่งจะเป็นพื้นที่เตียงผู้ป่วยได้อย่างน้อย 5,000 เตียงในระยะแรก โดยจะใช้พื้นที่ชั้น 2 เป็นสถานที่ทำการของแพทย์และห้อง ICU ส่วนชั้น 3และ 4 เป็นพื้นที่สำหรับคนไข้สีเขียวและเหลือ จะเริ่มเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนสิงหาคมนี้