

วันที่ 10 กันยายน 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงมาตรการหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ โดยระบุว่า ข้อสรุปการฉีดวัคซีนโควิด ที่ประชุมได้วางแผนการกระจายวัคซีนในเดือนตุลาคมที่คาดว่าจะมีวัคซีนเข้ามา 24 ล้านโดส โดยแบ่งการฉีดตามกลุ่มเป้าหมายดังนี้
1.ประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ มีสูตรการฉีดวัคซีน 3 สูตร คือ
- ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า
- แอสตร้าเซนเนก้า-แอสตร้าเซนเนก้า
- แอสตร้าเซนเนก้า-ไฟเซอร์
โดยจะใช้จำนวนวัคซีน 16.8 ล้านโดส คิดเป็น 70% ของวัคซีนที่หาได้ในเดือนตุลาคม
2.นักเรียนที่มีอายุ 12-17 ปี จะฉีดวัคซีน ไฟเซอร์-ไฟเซอร์ ใช้วัคซีน 4.8 ล้านโดส คิดเป็น 20% ของวัคซีนในเดือนตุลาคม
3.แรงงานในระบบประกันสังคม จะฉีดวัคซีน ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า ใช้วัคซีน 0.8 ล้านโดส คิดเป็น 3% ของวัคซีนในเดือนตุลาคม
4.หน่วยงานอื่นๆ เช่น องค์กรภาครัฐ ราชทัณฑ์ จะฉีดวัคซีน ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า ใช้วัคซีน 1.1 ล้านโดส คิดเป็น 5% ของวัคซีนในเดือนตุลาคม
5.ผู้ได้รับวัคซีน ซิโนแวค ครบ 2 เข็ม และต้องการเข็มกระตุ้น จะฉีดวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็มที่ 3 ใช้วัคซีน 0.5 ล้านโดส คิดเป็น 2% ของวัคซีนในเดือนตุลาคม

อย่างไรก็ตาม สำหรับการฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก ซึ่งมีรายงานอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังการฉีดวัคซีน ทาง ศบค. จะสื่อสารชี้แจงให้ผู้ฉีดวัคซีนรวมถึงผู้ปกครองได้ทราบถึงความเสี่ยง และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนฉีดเสมอ ย้ำว่าแนวทางนี้จะต้องเป็นการสมัครใจ และไม่มีการบังคับใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ สำหรับผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ประกอบไปด้วยนักเรียนนักศึกษา ม.1-6 หรือ ปวช., ปวส. หรือเทียบเท่า โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะแรก จัดสรรสำหรับ ม.4-6 หรือ ปวช., ปวส. หรือเทียบเท่าระยะถัดไป จัดสรรสำหรับระดับชั้นอื่นๆ ที่เหลือ