

“ว่าที่ดีดี การบินไทย”คนใหม่ลั่น! เป้าหมายหลักหลังรับตำแหน่ง พร้อมเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ จะกลับมาทำการบินในทุกเส้นทางบินที่เคยบิน หลังเคบิ้นแฟคเตอร์ทุกเส้นทางพุ่งเฉลี่ยกว่า 85% ส่วนทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศไม่มีความจำเป็นต้องขาย พร้อมสร้างรายได้จากเงินสดที่มีอยู่ ขณะเดียวกันจะเดินหน้าตั้งบริษัทลูก มั่นใจจะนำพาการบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูก่อนกำหนด
นายชาย เอี่ยมศิริ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด ( มหาชน ) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ การบินไทยได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 25 พ.ย.65 แต่งตั้งให้ตนดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) หรือ รู้จักกันในตำแหน่ง ดีดีการบินไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.66 เป็นต้นไปนั้น ยอมรับว่างานหลักที่จะดำเนินการภายหลังเข้ามารับตำแหน่งคือ จะยังคงเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทย โดยเป้าหมายหลักจะยังคงสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้น และ ลูกค้าของการบินไทยว่าการบินไทยจะเดินตามแผนฟื้นฟู และในส่วนของเจ้าหนี้การบินไทย แม้ว่าจะเดินหน้าตามแผนและออกจากแผนฯตนก็จะยังสร้างความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ต่อไปเช่นเดิม เพราะหนี้ที่การบินไทยมีกับเจ้าหนี้ก็จะยังคงต้องชำระอยู่ และที่ผ่านมาจะพบว่าการบินไทยไม่เคยผิดชำระหนี้กับเจ้าหนี้เลย ขณะเดียวกันตนจะเดินหน้าสร้างความเข้าใจกับพนักงานการบินไทยซึ่งรวมกับพนักงานของสายการบินไทยสมายล์ ที่มีอยู่รวมกว่า 14,900 คน ให้มุ่งมั่นที่จะร่วมทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อให้การบินไทยพ้นจากแผนฟื้นฟูกิจการฯ โดยเป้าหมายตนจะพาองค์กรการบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูฯก่อนกำหนดที่ตั้งไว้ในปี68

“ที่ผ่านมาตนได้พิสูจน์ตัวเองมาโดยตลอด ทั้งในช่วงที่การบินไทยเข้าแผนฟื้นฟู และช่วงอยู่ในตำแหน่งสายการเงินและบัญชี และใน 1 ปี ที่อยู่ในแผนจะเห็นได้ว่าการบินไทยได้มีการเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมาทำไม่ได้ มา ณ วันนี้แผนฟื้นฟูฯสามารถปฎิบัติได้จริง และ สิ่งที่สะท้อนให้ได้เห็นจะพบว่า แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา การบินไทยไม่มีเงินทุกคนก็ร่วมมือร่วมใจดิ้นรนให้ผ่านมาได้ คู่ค้าก็ให้ความร่วมมือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าพนักงานการบินไทยสามารถทำตามแผนฟื้นฟูกิจการฯได้ ยิ่งมา ณ. วันนี้ เจ้าหนี้ยิ่งมั่นใจการบินไทยมากขึ้น จากเดิมที่ต้องกู้มาเสริมสภาพคล่อง มาวันนี้แทบจะไม่ต้องการ เพราะการบินไทยได้กลับมาทำการบิน”
นายชาย กล่าวต่อว่า ส่วนขั้นตอนการหาทุนใหม่นั้นขณะนี้การบินไทยได้จดทะเบียนเพิ่มทุนแล้วจำนวน 31,000 หุ้น หรือ ประมาณ 336,000ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นเดิมตามแผนก็จะเป็นบวกด้วยการเพิ่มทุนจากเจ้าหนี้เดิม ซึ่งจะมีทั้งกระทรวงการคลัง จำนวน 12,800 ล้านหุ้น , สถาบันการเงิน อีกประมาณ 25,000 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อใหม่ยอมรับว่าขณะนี้การบินไทยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกู้เป็นเงินสด แต่ใช้เพื่อการค้ามากกว่า ซึ่งหากจำเป็นต้องใช้จะอยู่ที่ 12,500 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการบินไทยกลับมาทำการบินในหลายๆเส้นทางทำให้มีสภาพคล่องในมือกว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้นแผนต่อไปนอกจากขับเคลื่อนการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูแล้ว การบินไทยจะเร่งหารายได้ สร้างผลประโยชน์ตอบแทนจากเงินสดในมือที่มีอยู่ให้มากขึ้น
ส่วนการกลับมาทำการบินในปี 66 การบินไทยจะเน้นกลับมาทำการบินในเส้นทางบินที่เคยทำการบิน ในเส้นทางเมืองหลักๆ เช่น ออสโลว์ , มิลาน ประเทศในแถบยุโรป และจีน เป็นต้น ล่าสุดพบว่าอัตราการบรรทุกปริมาณผู้โดยสาร(เคบิ้น แฟคเตอร์)ในทุกเส้นทางบินสูงเฉลี่ยถึง 85% และมั่นใจว่า จะสูงไปถึง 99% นอกจากนั้นในส่วนของการขายสินทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ยอมรับว่าการบินไทยไม่จำเป็นต้องรีบขาย เช่น อสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เป็นต้น เพราะขณะนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์เริ่มขยับตัวสูงขึ้น หากพื้นที่ใดเปิดเช่าได้ก็เน้นให้เช่า เช่น สำนักงานที่ฮ่องกง
นายชาย กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันการบินไทยยังมีแผนผลักดันหน่วยธุรกิจย่อยที่มีศักยภาพนำไปต่อยอดจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม อาทิ ครัวการบิน คาร์โก้ ฝ่ายช่างหรือศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน และการบริการภาคพื้น โดยปัจจุบันการบินไทยยังอยู่ระหว่างศึกษาแผนและจัดหาพันธมิตรที่สนใจเข้าร่วมลงทุน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เพราะถือเป็นช่วงที่การบินไทยต้องมองหาโอกาสของการต่อยอดธุรกิจให้เกิดประโยชน์มากที่สุด