“วีรศักดิ์” สบช่องดัน “ขนุนทอดกรอบ” จ.ระยองโกอินเตอร์



  • แนะผู้ประกอบการเกษตรกร ใช้เอฟทีเอสร้างแต้มต่อ
  • เหตุคู่เอฟทีเอ17ประเทศ ไม่เก็บภาษีนำเข้าจากไทย
  • พร้อมศึกษาขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจีไอ เพิ่มมูลค่า

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 24 ..63 ก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรในวันที่ 25 ..63  จังหวัดระยอง ได้นำผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่หารือกับเกษตรกร สหกรณ์ และวิสาหกิจในท้องถิ่น เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพของสินค้าชุมชนให้มีโอกาสทางการตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งการจำหน่ายในประเทศ และส่งออก โดยได้หารือกับวิสาหกิจชุมชนบ้านโป่งสะท้อน อำเภอเขาชะเมา เพื่อสำรวจศักยภาพการแปรรูปขนุนพันธุ์ทองประเสริฐเป็นสินค้าขนุนทอดกรอบ ซึ่งมีศักยภาพสูงในการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดกลุ่มรักสุขภาพได้ดี เนื่องจากเป็นอาหารว่าง ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และทดแทนขนมขบเคี้ยวทั่วไปตามท้องตลาดได้ และที่สำคัญขนุนพันธุ์ทองประเสริฐ ปลูกได้ง่าย ให้เปอร์เซ็นต์เนื้อในผลเยอะ สามารถรองรับอุตสาหกรรมการแปรรูปเพื่อการส่งออกได้

ขนุนสด และขนุนแปรรูปต่างๆ เช่น ขนุนทอดกรอบ มีศักยภาพในการทำตลาดต่างประเทศมาก ซึ่งได้แนะนำให้ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ ในการส่งสินค้าไปขาย เพราะปัจจุบันคู่เจรจาเอฟทีเอ 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าขนุนสดที่ส่งออกจากไทยแล้ว ยกเว้นเกาหลีใต้ที่เก็บภาษี 36% ส่วนอีก 15 ประเทศ ไม่เก็บภาษีนำเข้าขนุนอบแห้ง หรือขนุนทอดกรอบของไทย ยกเว้นเพียง เกาหลีใต้ อินเดีย และลาว ที่คงภาษีนำเข้าที่อัตรา 36%, 30%, และ 5% ตามลำดับ เชื่อว่า จะช่วยสร้างแต้มต่อให้กับการส่งออกนุนของไทยได้

ขณะที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา จะศึกษารายละเอียดของขนุนพันธ์ุดังกล่าว ว่ามีคุณสมบัติเข้าข่ายที่จะขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอได้หรือไม่ หากทำได้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการ และเกษตรกร เขียนคำขอเพื่อขึ้นทะเบียน ถ้าเป็นสินค้าจีไอแล้ว จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนได้อีกมาก พร้อมกันนั้น ได้หารือกับผู้ประกอบการร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ ที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์ โดยจะไปรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ นำมาปรับปรุงแผนการส่งเสริมและพัฒนาให้ตรงตามเป้าหมายมากขึ้น เพื่อให้ร้านค้าส่งค้าปลีกและร้านโชห่วย มีการพัฒนาและแข่งขันกับโมเดิร์นเทรดได้

สำหรับการส่งออกขนุนของไทยในช่วง 6 เดือน (..-มิ..) ปี 63 มีมูลค่ากว่า 13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 24.94% โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ จีน 7.2 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 6.16% เวียดนาม 5.7 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 54.22% ลาว 162,566 เหรียญฯ เพิ่ม 464.01% เยอรมนี 85,179 เหรียญฯ เพิ่ม 682.46% และเมียนมา 63,976 เหรียญฯ เพิ่ม 34,486.61%