

- จัดงานพระราชสมภพ 90 พรรษาสมเด็จพระพันปีหลวง-เอเปก
- พร้อมส่งไม้ต่อหากรัฐบาลเกิดอุบัติเหตุการเมือง
- ย้ำหน้าที่รัฐบาลไม่ใช่แค่เข็นกฎหมายเข้าสภาแล้วผ่านไม่ผ่านก็ช่าง แต่ต้องออกมาให้ได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ว่า จะเป็นการเปิดประชุมสภาเต็ม 120 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก หรือเป็นรัฐบาลที่อาจจะมีปัญหาดังเช่นในปัจจุบันก็จะต้องระมัดระวังและเตรียมการอยู่แล้ว ปฏิทินมีอยู่แล้วเสนอกฎหมายงบประมาณและคราวนี้ก็มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญโผล่ขึ้นมา 2 ฉบับ
ขณะเดียวกันก็มีกฎหมายใหม่ที่รัฐบาลเตรียมเสนอเข้าสภา เนื่องจากเข้าไม่ทันสมัยประชุมที่แล้วก็ต้องมาเข้าในสมัยนี้เช่น พ.ร.บ.คู่ชีวิต ซึ่งสังคมเรียกร้องอยู่ ขณะเดียวกันยังมีกฎหมายที่เสนอเข้าสภาไปแล้วและพิจารณาไปจวนจะเสร็จแล้ว 8 ฉบับ เช่น กฎหมายตำรวจ กฎหมายการศึกษา กฎหมายกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรม กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ กฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนจากโทษ ปรับเป็นพินัย เหล่านี้เป็นกฎหมายสำคัญทั้งสิ้น ออกมาแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งเวลาเสนอเป็นการเสนอต่อที่ประชุมร่วม 2 สภา ไม่ได้เข้าทีละสภา ฉะนั้นมีโอกาสจะเสร็จเร็ว
นายวิษณุ ระบุว่า ดังนั้นในสมัยประชุมหน้าก็เร่งให้เสร็จเพื่อให้มีกฎหมายดีๆ ออกมาใช้เป็นประโยชน์กับประชาชนหรือกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดต่อเนื่อง นี่ก็เป็นกฎหมายสำคัญอีกฉบับที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้พูดถึง เพราะผ่านการพิจารณาของสภาแล้ว และต้องเข้าวุฒิสภาต่อเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งขับเคลื่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเพียงแค่กฎหมายที่จะเข้าไป แต่เป็นเรื่องของกฎหมายที่เข้าไปแล้วต้องพยายามขับเคลื่อนให้ออกมา
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า หน้าที่รัฐบาลไม่ใช่แค่เข็นๆ กฎหมายเข้าสภาแล้วผ่านไม่ผ่านก็ช่างให้ชุลมุนอยู่ในสภา แต่ต้องออกมาให้ได้ ขณะเดียวกันยังมีเรื่องที่รัฐบาลต้องประชุมและเตรียมการ บางครั้งต้องเตรียมการเพื่อให้ทันสมัยรัฐบาลนี้ บางครั้งต้องเตรียมการไว้ให้รัฐบาลชุดหน้า เช่น การเตรียมการเกี่ยวกับการจัดงานพระราชสมภพ 90 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันที่ 12 ส.ค.นี้ ซึ่งอันนี้จะเป็นงานใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องจัดเตรียม แม้กระทั่งการประชุมเอเปกซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย.จะทันหรือไม่ทันรัฐบาลนี้ นั่นไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าต้องเตรียมเอาไว้ให้
“ถ้ารัฐบาลนี้ต้องทำภารกิจนั้นก็จะทำได้โดยราบรื่น ถ้าเป็นเรื่องของรัฐบาลอื่น สมมติถ้ามีเหตุจำเป็นรัฐบาลอื่นเข้ามาปุ๊บปั๊บจะได้รับช่วงต่อไปได้ และที่จะประชุมเตรียมการกันในวันนี้คือการเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีวันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งที่จริงคือวันที่ 6 พ.ค. 2566 จะครบ 100 ปี แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับในโอกาสครบ 100 ปี ยูเนสโกจะประกาศยกย่องให้พระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก นั่นเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตั้งคณะกรรมการเตรียมงานระดับชาติแน่นอน อันนี้รัฐบาลอยู่ไม่ทันแน่เพราะยังไงเสียจะหลัง 4 ปี ของรัฐบาลอยู่แล้ว ฉะนั้นต้องเตรียมการเอาไว้ให้รัฐบาลหน้า ทั้งงบประมาณ คน การจัดกิจกรรม หนังสือและสารคดี นี่คือปฏิทินหลังวันที่ 22 พ.ค.นี้ที่รัฐบาลต้องเตรียมการ” นายวิษณุ กล่าว
นอกจากนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากเกิดอุบัติเหตุในสภาก่อนที่รัฐบาลจะเสนอ พ.ร.บ.งบประมาณฯ เข้าสภา จะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณประเทศสะดุดหรือไม่ รัฐบาลได้เตรียมรับมือไว้อย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ต้องเตรียมการกันอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุปุ๊บปั๊บรัฐบาลก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะทำกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
ทั้งนี้เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านออกมาขู่จะคว่ำพ.ร.บ.งบฯ นายวิษณุ ตอบว่า ก็แล้วแต่ ซึ่งรัฐบาลก็มีวิธีจัดการ และไม่ทำให้การใช้งบประมาณเกิดการสะดุด ซึ่งรัฐธรรมนูญบอกให้ใช้งบปีก่อนหน้านี้ไปพลาง และเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วงบประมาณออกไม่ทันวันที่ 1 ต.ค. ก็ใช้งบประมาณปีเก่าไป เพียงแต่จะยุ่งนิดหนึ่งต้องทำตามกรอบงบประมาณปีที่แล้วจะเพิ่มเติมจากนั้นไม่ได้