

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดเล็กเสนอต่ออายุพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และอาจจะยกเว้นเรื่องการห้ามชุมนุม ว่า ไม่ทราบในเรื่องนี้ ให้รอฟังผลประชุมจาก ศบค.
ทั้งนี้เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายเสนอให้ประกาศเป็นรายพื้นที่ ไม่ต้องครอบคลุมทั้งประเทศจะทำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวพิจารณาตั้งแต่ครั้งแรกของการประชุมศบค.แล้ว แต่เกิดข้อกังวลว่าคนจะเคลื่อนย้าย ไปในพื้นที่ที่ไม่ได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่โรคติดต่อไม่เหมือนกับการชุมนม ไม่เหมือนกับการก่อเหตุความไม่สงบเมื่อปี2557- 2558 เพราะเหตุดังกล่าวเราสามารถกระชับพื้นที่ได้ แต่โควิด-19 ไปทางอากาศ ไม่สามารถกระชับพื้นที่ได้ จึงมีความจำเป็นต้องประกาศทั่วประเทศ เพียงแต่ไม่นำมาตรการต่าง ๆ มาใช้ เพราะมาตรการที่มีอยู่ 6 มาตรการก็ยกเลิก
“สิ่งที่ได้ประโยชน์จากการใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ คือการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่มีกฎหมายใดให้สนธิกำลังแบบนี้ได้เพราะ พ.ร.บ.โรคติดต่อ แพทย์เป็นคนใช้ ซึ่งไปสั่งหน่วยงานอื่นเช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้ ถ้าใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ประเทศไทยมี 77 จังหวัด จะมี 77 มาตรฐาน ด่านเข้าออกและด่านผ่อนปรน 70 ด่าน ซึ่งจะมี 70 มาตรฐาน และนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถลงไปสั่งงานละเอียดในแต่ละด่านได้” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า การมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะเป็นมาตรฐานที่ใกล้เคียงที่สุด เพราะบางอย่างยอมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้ดุลพินิจได้ และสามารถบูรณาการการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่เข้ามาร่วมทำงานเป็นจำนวนมาก แต่พ.ร.บ.โรคติดต่อไม่สามารถสั่งงานทหารตำรวจเหล่านั้นได้ ส่วนจะขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกไปกี่วัน ไม่ทราบ อยู่ที่ทางแพทย์ประเมินว่าเหมาะสมให้เป็นเท่าไร