![chonlanan](https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2024/04/chonlanan-696x460.png)
เช้านี้ คนกรุงยังต้องระวัง ฝุ่นPM2.5 ขึ้นสีเหลือง กระทบคนร่างกายอ่อนแอ “ชลน่าน” เผยสถานการณ์ ฝุ่นPM2.5 หลายจังหวัดยังอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ
ข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ตรวจสอบคุณภาพอากาศทั่วโลก โดยใช้เครื่องมือตรวจวัดฝุ่นในเมืองใหญ่หลายประเทศ AQIAir รานงานล่าสุดเมื่อเวลา 06.00น.วันนี้ (11 เม.ย.67) คุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานคร มีระดับมลพิษทางอากาศ อยู่ในระดับสีส้ม หรือ ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยหรือผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ ดัชนีคุณภาพอากาศ อยู่ที่ 138 สหรัฐ AQItrend
ปริมาณสารมลพิษหลักมีความเข้มข้น 50.5µg/m³trend ความเข้มข้นของฝุ่นในกรุงเทพมหานครดังกล่าว คิดเป็น 10.1 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีของ องค์การอนามัยโลก (WHO) โดยระดับฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร อยู่อันดับที่ 11 ของโลก ขณะที่ จังหวัดเชียงใหม่ อยู่อันดับที่ 15 ของโลก ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 94 AQI
ขณะที่อันดับในประเทศไทย มีดังนี้
- อันดับที่ 1 เมืองสุโขทัย, จังหวัดสุโขทัย 172 AQI
- อันดับที่ 2 เมืองอุตรดิตถ์, จังหวัดอุตรดิตถ์ 171 AQI
- อันดับที่ 3 เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 163 AQI
- อันดับที่ 4 บางกรวย, จังหวัดนนทบุรี 158 AQI
- อันดับที่ 5 ลำลูกกา, จังหวัดปทุมธานี 158 AQI
- อันดับที่ 6 เขตดินแดง, กรุงเทพฯ 155 AQI
- อันดับที่ 7 เขตบางบอน กรุงเทพฯ 154 AQI
- อันดับที่ 8 เมืองสมุทรสาคร, จังหวัดสมุทรสาคร 154 AQI
- อันดับที่ 9 เขตบางขุนเทียน, กรุงเทพฯ153 AQI
- อันดับที่ 10 บางพลี, จังหวัดสมุทรปราการ 153 AQI
สำหรับคำแนะนำด้านสุขภาพป้องกัน ฝุ่นPM2.5
- ควรลดการออกกำลังกายกลางแจ้ง
- ปิดหน้าต่างเพื่อหลีกเลี่ยงอากาศภายนอกบ้านที่สกปรกพัดเข้ามา
- กลุ่มที่อ่อนไหวควรสวมหน้ากากภายนอกบ้าน
- เปิดเครื่องฟอกอากาศ
ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้วางมาตรการรองรับฝุ่น ไว้ตั้งแต่เข้าสู่ฤดูหนาวในเดือนตุลาคม 2566 ที่เริ่มพบค่า ฝุ่นPM2.5 สูงขึ้น 4 มาตรการหลัก ได้แก่
- ส่งเสริมการลดมลพิษ ด้วยการสื่อสารให้ความรู้ประชาชน
- ลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ ด้วยการเฝ้าระวังแจ้งเตือนประชาชน และเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยง
- จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งบริการเชิงรุกในพื้นที่และในสถานพยาบาล และ
- เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ผ่านระบบบัญชาการเหตุการณ์ในภาวะวิกฤต
สำหรับเขตสุขภาพที่ 1 ซึ่งประกอบด้วยภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน ได้บูรณาการแพลตฟอร์มระบบเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพ กรณี ฝุ่นPM2.5 ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและมหาวิทยาลัย เป็น “One Region One Surveillance System” ติดตามข้อมูลได้แบบเรียลไทม์
ทั้งสถานการณ์ จุดความร้อน และผลกระทบสุขภาพ 5 โรคสำคัญ คือ ถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด ผื่นแพ้ผิวหนัง ตาอักเสบ หัวใจและหลอดเลือด จากระบบฐานข้อมูล HIS ของโรงพยาบาลในเขต 103 แห่ง ทำให้ตอบโต้สถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
![](https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2024/04/ck.jpg)
นอกจากนี้ ยังเพิ่มการเฝ้าระวังโรคมะเร็งปอด โดยจัดทำโครงการต้นแบบคัดกรองมะเร็งปอด “Lanna CA Screening model project” ด้วยวิธีเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (Low dose CT scan) ในกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีมีการสูบบุหรี่ 30 ซอง/ปี อยู่ในพื้นที่มากกว่า 20 ปี และมีญาติพี่น้องเป็นโรคมะเร็งปอด ซึ่งในเขตมีประมาณ 1.8 ล้านคน โดยจะผลักดันให้อยู่ในสิทธิประโยชน์ของมะเร็งครบวงจรต่อไป
สำหรับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จากการสำรวจกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก 0-5 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วย (โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเฉียบพลัน โรคหอบหืด โรคหัวใจขาดเลือด และผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง) มีรวมทั้งสิ้น 370,681 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยถุงลมโป่งพองที่เสี่ยงอาการกำเริบ 3,287 ราย ซึ่งจะประสานหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยสนับสนุนเรื่องมุ้งสู้ฝุ่น เพื่อเพิ่มพื้นที่ปลอดฝุ่นภายในบ้าน ครอบคลุมผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงให้มากที่สุด
ข้อมูลอ้างอิงจาก กระทรวงสาธารณสุข
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เชียงใหม่-สธ. งัด14 มาตรการสู้ฝุ่น PM2.5