- ปัญหาเงินเฟ้อในระดับโลก
- “มัสก์”ปฏิเสธที่จะซื้อทวิตเตอร์
ทวิตเตอร์ เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมาระบุว่ารายรวมในไตรมาสนี้ร่วงลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีก่อนหน้าไปอยู่ที่ 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 1,320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนับเป็นรายได้ที่ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายถึง 11% ต่ำกว่าคาดการณ์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
สำหรับกำไรต่อหุ้น (EPS) ของทวิตเตอร์ขาดทุน 8 เซ็นต์ต่อหุ้น ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะกำไรที่ 14 เซ็นต์ต่อหุ้น ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานต่อวันที่มีมูลค่าในเชิงโฆษณา หรือ Monetizable Daily Active Users (mDAU) มีจำนวน 237.8 ล้านยูสเซอร์ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 238.08 ล้านยูสเซอร์
ทวิตเตอร์ระบุว่ารายได้ที่ลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากตลาดอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลที่ซบเซาลงผลจากความท้าทายจากสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจระดับมหัพภาคเช่นสงครามในยูเครน หรือปัญหาเงินเฟ้อในระดับโลก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงปัญหาที่เกี่ยวกับข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ของ อีลอน มัสก์ ที่เวลานี้กลายเป็นคดีความ หลังจากมัสก์ ปฏิเสธที่จะซื้อทวิตเตอร์ ส่งผลให้ทวิตเตอร์ยื่นเรื่องฟ้องร้องฐานผิดข้อตกลง โดยคดีความดังกล่าวจะเริ่มต้นการไต่สวนในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้หลังการเปิดเผยผลประกอบการณ์ดังกล่าว หุ้นของทวิตเตอร์ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากนักลงทุนจับตามองผลของคดีระหว่างทวิตเตอร์และมัสก์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
