รัฐลุยตรวจสอบห้องเย็นจัดเก็บเนื้อสุกร สกัด “หมูเถื่อน”



รัฐลุยตรวจห้องเย็นจัดเก็บเนื้อสุกร สกัดหมูเถื่อน พร้อมจัดกิจกรรม “ปิ้ง ย่าง กลางกรุง” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เดือนก.ย.นี้ ช่วยเกษตรกร

  • เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการระบายผลผลิต
  • เตรียมเสนอแผนทำงานให้รมว.พาณิชย์คนใหม่พิจารณา

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการห้องเย็นที่จัดเก็บเนื้อสุกร ที่บริษัท พิชชามีทกรุ๊ป จำกัด เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ว่า กรมร่วมกับกรมปศุสัตว์ ตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ตรวจสอบการจัดเก็บเนื้อสุกร พบว่า มีการนำหมูซีกเข้ามาวันละ 200 ตัว เพื่อมาตัดแต่งส่งตามร้านต่างๆ และจากการตรวจสอบเอกสารต่างๆ มีการรับซื้อมาจากโรงเชือดที่จังหวัดราชบุรี ส่วนหนึ่งจากลูกเล้าของบริษัทรายใหญ่ มีที่มาที่ไปชัดเจน ช่วยสร้างมั่นใจให้กับผู้เลี้ยงและผู้บริโภคว่าไม่มีหมูเถื่อนหรือหมูนำเข้ามาปลอมปน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้มีลงพื้นที่ไปตรวจสอบผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยได้ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดไปแล้ว 14 ราย จำนวน12 ราย เป็นการไม่แจ้งข้อมูล และได้ดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนอีก 2 ราย ไม่มีใบประกอบอนุญาตห้องเย็น ศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้ว 6 คดี ที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณา

 “ขอฝากถึงห้องเย็นต่างๆ และผู้ประกอบการ ต้องแจ้งข้อมูลตามกฎหมาย ถ้าไม่แจ้งจะมีความผิด เพราะก่อนหน้านี้ มีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกา ส่งผลให้หมูเสียหายจำนวนมาก จากนั้นผู้เลี้ยงได้เพิ่มกำลังการเลี้ยงหมู จนตอนนี้หมูเข้าระบบ 50,000 ตัวต่อวัน ถือว่ามากกว่าปกตินิดหน่อย” อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าว

อย่างไรก็ตาม กรมได้ขอความร่วมมือห้างค้าส่งค้าปลีกจัดโปรโมชันจำหน่ายหมู เพื่อกระตุ้นการซื้อขาย และยังจะร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ กรมประมง จัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคเนื้อสัตว์และอาหารทะเล “ปิ้ง ย่าง กลางกรุง” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เดือนก.ย.นี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการระบายผลผลิต ส่วนประชาชน หากพบเบาะแสหมูเถื่อน สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน

นายวัฒนศักย์ กล่าวอีกว่า กรมได้เตรียมเสนอแผนการทำงานให้กับรมว.พาณิชย์คนใหม่ เพื่อพิจารณาแล้ว โดยการทำงานจะเน้นการดูแลใน 3 ส่วน คือ เกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชน โดยมาตรการ และโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ ที่เป็นประโยชน์ ก็จะดำเนินการต่อ ทั้งการดูแลราคาสินค้า การลดภาระค่าครองชีพประชาชน และพร้อมรับนโยบายใหม่ๆ ในการดูแลทั้ง 3 ภาคส่วนต่อไป