

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 ว่า ตามที่ ครม. ได้ออกมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม กรณีอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงมากนักและมีความสามารถในการผ่อนชำระได้ โดยการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง เช่น กลุ่มคนวัยทำงาน กลุ่มผู้สูงอายุ
ประกอบด้วย 2 มาตรการคือ 1.ลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์และห้องชุด จากเดิมร้อยละ 2 ของราคาประเมินทุนทรัพย์เหลือ 0.01% และ2.ลดค่าจดทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดจากเดิมร้อยละ 1 ของมูลค่าที่จำนอง เหลือ 0.01% โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี ตั้งแต่ 24 มิ.ย.2562 จนถึง 23 มิ.ย. 2563
ทั้งนี้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รายงานต่อที่ประชุมฯว่า การดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียมฯ สามารถช่วยลดภาระและเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางและช่วยให้เข้าถึงกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย จำนวน 111,635 ราย สูงกว่าเป้าหมาย 91.35 % จากที่กำหนดไว้จำนวน 58,340 ราย
“แม้การดำเนินมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อรายได้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ลดลง จำนวน 1,512.367 ล้าน ต่ำกว่าเป้าหมาย 11.04% จากที่คาดการณ์ไว้จำนวน 1,700 ล้านบาท อย่างไรก็ตามมาตรการทางสังคมนี้เป็นประโยชน์ในการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำการมีที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะทำให้ อปท. มีรายได้จากภาษีอื่นๆ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีสรรพสามิต ชดเชยกับรายได้ที่สูญเสียไป”