รัฐทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

.กว่า 1.2 ล้านชิ้น มูลค่าความเสียหาย 600 ล้านบาท
.ไม่ให้สินค้ากลับสู่ท้องตลาด-สร้างความเชื่อมั่นคู่ค้า
.ปกป้องผู้บริโภคไม่ให้ได้รับอันตรายจากใช้สินค้าปลอม

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ณ หน่วยบัญชาการ ป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 ว่า การทําลายของกลาง ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่จะต้องดําเนินการอย่างโปร่งใส สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และมีการดำเนินการตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้า นักลงทุน และเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ว่าสินค้าละเมิด จะไม่กลับเข้าสู่ท้องตลาดอีกต่อไป อีกทั้งยังเป็นการปกป้องผู้บริโภคจากอันตราย ที่อาจเกิดจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน


สำหรับปีนี้ของกลางที่นํามาทําลายมีหลายประเภท เช่น เสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้า กระเป๋า เครื่องสําอาง โทรศัพท์มือถือ อะไหล่รถยนต์ อาหาร เป็นต้น โดยเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวม 1,253,529 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 600 ล้านบาท


“นอกเหนือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเจ้าของสิทธิแล้ว ผู้บริโภคถือเป็นอีกแนวร่วมสำคัญที่ช่วยป้องกัน และแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หากประชาชน พบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แจ้งเบาะแสมาได้ที่กรม โทร. 02-547-4702 หรือสายด่วน 1368 ซึ่งกรม พร้อมร่วมกับพันธมิตร ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ปราบปรามสินค้าละเมิดอย่างเข้มข้นต่อไป ซึ่งนอกจากเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า นักลงทุนต่างชาติ และปกป้องผู้บริโภคจากอันตรายแล้ว ยังจะมุ่งหวังให้ไทยหลุดพ้นจากบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรการ 301 พิเศษด้วย”