รอลุ้น…ประเมินสถานการณ์โควิด-19 หลังล็อกดาวน์สิ้นสุด 31 ส.ค. นี้ ชงคลายล็อก สธ.เผยเชื้อร้ายเลยจุดพีคไปแล้ว



  • เผยคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ รอประเมินหลังสิ้นสุดล็อกดาวน์
  • พร้อมเห็นชอบมาตรการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย จัดการโควิดให้ได้
  • พร้อมชงออกมาตรการรองรับเสนอ ศบค.พิจารณา ยันไม่ใช่การเปิดประเทศทั้งหมด

วันนี้ (23 ส.ค.64) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติผ่าน ครั้งที่ 8 / 2564 ว่า จากการสรุปสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในรอบ4 สัปดาห์ ที่ผ่านมาพบว่า แนวโน้มการระบาดยังพบผู้ป่วยติดเชื้อสูงแต่คงตัว และเริ่มมีแนวโน้มผู้ป่วยลดน้อยลง จากอัตราพบผู้ป่วยสูงสุด 23,000 คน โดยวันนี้ (23 ส.ค.) เหลือ 17,000 คน 

ทั้งนี้เป็นจากมาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดง สีแดงเข้ม รวมถึงการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกด้วยATK การทำโฮมไอโซเลชัน การฉีดวัคซีนให้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง โดยตอนนี้ฉีดวัคซีนไป 5-6 แสนโดสต่อวัน รวมฉีดวัคซีนไป 27 ล้านโดส โดยคนที่รับวัคซีนไปแล้ว 1 เข็ม  28% ทั้งนี้มติต่างๆ ของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจะถูกนำไปเสนอ ศปก.ศบค. ต่อไป

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณา เรื่องการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ภายใต้มาตรการควบคุมโรคแนวใหม่ เตรียมเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่าน จากการระบาดของโควิด-19 อยู่ในภาวะวิกฤตที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ต้องควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดเกินศักยภาพของระบบสาธารณสุข แต่ต่อจากนี้โควิด-19 กำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นโดยในหลายประเทศเริ่มออกมาตรการแล้ว เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างปกติ โดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ

1.การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมผู้ป่วยเรื้อรัง กลุ่มเสี่ยงสูงอายุ และการพัฒนาหาวัคซีนให้ครบวงจร

2.การป้องกันโรคแบบครบวงจร Universal Prevention ป้องกันตนเองสูงสุดในทุกโอกาส คิดเสมอทุกคนมีความเสี่ยงติดเชื้อแพร่เชื้อ สอดคล้องกับมาตรการ DMHTT

3.การทำงานเชิงรุก CCRT มีทีมบูรณาการร่วมกันระหว่าง สาธารณสุข และท้องถิ่น เยี่ยมบ้านลงพื้นที่ มีการฉีดวัคซีนการตรวจคัดกรอง ATK

และ 4.ให้มีผู้แทนของสมัชชาสุขภาพจังหวัดร่วมประชุมในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อให้มีตัวแทนประชาชนในพื้นที่ร่วมรับรู้และร่วมดำเนินมาตรการควบคุมโรคภายในจังหวัด

นอกจากนี้ที่ประชุมฯยังเห็นชอบเดินหน้าการเปิดประเทศ 120 วัน ภายใต้การควบคุมโรคแนวใหม่ และเตรียมเสนอศบค. ต่อไป และเห็นชอบการควบคุมโรคแบบเฉพาะ หรือบับเบิลแอนด์ซีล ในบางพื้นที่เฉพาะ กรณีพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน ในโรงงาน ดังนั้นสถานประกอบการต้องมีมาตรการที่เข้มข้น เพื่อไม่ต้องปิดโรงงาน และสามารถทำงานได้ ไม่เกิดการเจ็บป่วยรุนแรง แต่เพิ่มกลไกการสื่อสารทำความเข้าใจ มีคู่มือคำแนะนำ มีระบบพี่เลี้ยง ติดตามประเมินผลร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน 

รวมถึงเห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯ เรื่องการแจ้งกำหนดวันเวลาสถานที่ ที่พาหนะจะเข้ามายังด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทั้งในด่านบก ด่านเรือ ด่านอากาศ เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และเห็นชอบเพิ่มเติมผู้ที่จะเดินเข้ามาในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ผ่านการรับวัคซีนสปุตนิค วี ได้

“การล็อกดาวน์จะสิ้นสุด 31 ส.ค.64 นี้ โดยหลังจากนี้ไป ตั้งแต่เดือน ก.ย. ถึงปีหน้า หากจะมีการเปิดคลายล็อกใช้ชีวิตปกติ จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ตามแผน มีการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวดด้วย ATK และต้องเคร่งครัดเรื่องการควบคุมตนเอง DMHTT และต้องมีการทำบับเบิลแอนด์ซีล ควบคู่ในโรงงาน ตลาด แคมป์คนงาน ต้องร่วมมือกัน จึงจะทำให้เปิดหรือผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย เพราะสถานการณ์โควิดขณะนี้ จากการประมวลการติดเชื้ออัตราป่วย อัตราการตรวจค้นหา ผู้ที่มีอาการหนัก ผู้ที่เสียชีวิต คาดว่าสถานการณ์โควิดน่าจะถึงจุดพีคแล้ว แต่ต้องรอดูสถานการณ์ไปอีก 3-4 วัน เพราะโควิด-19 มีจุดเปลี่ยนหลายปัจจัย เช่น การระบาดของสายพันธุ์เดลตา ที่ทำให้สถานการณ์ทุกมุมโลกเปลี่ยน” นพโอภาส กล่าว

ทั้งนี้เมื่อถามว่า หลังวันที่ 31 ส.ค.64 จะมีการประเมินอีกครั้งว่า จะผ่อนคลายหรือเปิดประเทศอย่างไร โดย นพ.โอภาสกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการประเมินเป็นระยะๆ ทั้งเรื่องสถานการณ์และมาตรการต่างๆ และทุกเรื่องต้องรายงานเสนอ ศปก.ศบค.ให้เห็นชอบต่อไป 

อย่างไรก็ตาม สำหรับรายละเอียดมาตรการข้อกำหนดต่างๆ เป็นอย่างไรขอให้นำเข้า ศปก.ศบค.ให้ทราบก่อน แต่จะมีแนวกำหนดไว้ ทั้งการฉีดวัคซีนปริมาณเท่าไหร่ อย่างไร ขอนำเสนอ ศปก.ศบค.ก่อน

เมื่อถามว่าการเปิดประเทศไม่ได้หมายความว่า เปิดทั้งประเทศใช่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า กรณีการเปิดประเทศเป็นไปตามนโยบายเปิดประเทศ 120 วัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเปิดทั้งประเทศ แต่จะเป็นพื้นที่ ยกตัวอย่าง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดังนั้น เป้าหมาย 120 วัน ทางกระทรวงสาธารณสุขยังรับนโยบายท่านนายกฯ แต่ก็ต้องพิจารณา เพราะยังมีตัวแปรที่ต้องพิจารณาอีกเยอะ เช่น ช่วงประกาศนโยบายเปิดประเทศ 120 วัน ยังไม่มีเดลตามาระบาด ซึ่งหลายประเทศเมื่อเจอสายพันธุ์นี้ก็มีการติดเชื้อใหม่ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างยังต้องอยู่ในการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้