รอบนี้ตรวจเข้ม! คลัง ผนึก 47 หน่วยงาน ตรวจคุณสมบัติผู้ลงทะเบียน “บัตรคนจน” ปี 65 ชี้ครั้งนี้จัดสรรได้ตรงกลุ่มอย่างแท้จริง

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการปรับปรุงฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยให้เป็นปัจจุบัน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการให้แก่ประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย และมีการเพิ่มเติมคุณสมบัติในการคัดกรองเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตัวตนผู้มีรายได้น้อยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ ความพิเศษในครั้งนี้ คือโครงการฯได้รับความร่วมจากหน่วยงานอีก 47 หน่วยงาน ซึ่งจะเป็นหน่วยงานรับลงทะเบียน และหน่วยงานที่ช่วยในการตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นผู้มีรายได้น้อยตามหลักเกณฑ์ที่โครงการฯ กำหนดเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ลงทะเบียนมีคุณสมบัติเป็นผู้มีรายได้น้อยตัวจริงที่สมควรได้รับการช่วยเหลือ มิใช่ตัวปลอมมาฉวยโอกาสรับสิทธิ์ โดยเดิมที่การลงทะเบียนครั้งก่อนหน้ามีเพียง 23 หน่วยงานมาช่วยตรวจสอบ

“การร่วมมือกันทั้ง 47 หน่วยงาน เพื่อดำเนินการในครั้งนี้ จะช่วยให้รัฐบาลใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการให้แก่ผู้ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง” นายสันติ กล่าว

ทั้งนี้ ล่าสุดวันนี้ (16 ส.ค.) กระทรวงการคลังได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมในพิธีทั้งสิ้น 37 หน่วยงาน แบ่งเป็นหน่วยงานรับลงทะเบียนจำนวน 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) กรมบัญชีกลาง (สำนักงานคลังจังหวัด) กรมการปกครอง (ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ) กรุงเทพมหานคร(สำนักงานเขต) และสำนักงานเมืองพัทยา และหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติที่มาเข้าร่วมพิธีลงนามวันนี้ จำนวน 33 หน่วยงาน จากหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติทั้งสิ้น 47 หน่วยงาน 

ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยจะเป็นผู้แทนในการลงนามของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุน สำหรับหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่เข้าร่วมลงนามในวันนี้ ได้แก่ กรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา กรมที่ดิน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานประกันสังคม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมการขนส่งทางบก กรมการกงสุล กรมราชทัณฑ์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมควบคุมโรค สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรมหม่อนไหม การท่าเรือแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน 

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด และบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งหน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งหน่วยงานทั้งหมดจะร่วมมือกันดำเนินการในโครงการฯ เช่น การรับลงทะเบียน การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน การประมวลผล การจัดทำฐานข้อมูล การประกาศผลผู้มีสิทธิ์ เป็นต้น ให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างราบรื่นภายในระยะเวลาที่กำหนด

นายสันติ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.65 กระทรวงการคลัง จะเริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดใบสมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เพื่อให้ประชาชนศึกษารายละเอียดข้อกำหนดต่างๆ โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th จากนั้นจะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนจริงวันที่ 5 ก.ย.-19 ต.ค.65 เป็นเวลา 45 วัน

จากนั้นเมื่อลงทะเบียนแล้วเสร็จ ทางกระทรวงฯ จะใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติจากทั้ง 47 หน่วยงาน โดยใช้เวลาช่วงเดือน พ.ย.65- ม.ค.66 โดยจากนั้นจะประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติ และเริ่มกระบวนการยืนยันตัวตนภายในเดือนม.ค.66  

ทั้งนี้หากใครไม่ผ่านคุณสมบัติ ก็สามารถยื่นอุทธรณ์สิทธิ์ได้ภายใน 23 วัน ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มใช้สิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่นี้ ได้ในช่วงประมาณเดือน ก.พ.66 

อย่างไรก็ตาม สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่นี้จะไม่จำกัด โดยจะขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งประมาณการณ์ไว้ที่ 13-15 ล้านคน โดยหากเทียบกับปัจจุบันมียอดผู้ได้สิทธิ์อยู่ที่ 13.3 ล้านคน ใช้งบประมาณปีละ 48,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 4,000 ล้านบาท ซึ่งก็คาดว่าการให้สิทธิ์ในรอบใหม่นี้จะใช้เม็ดเงินไม่น้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา

“การตรวจสอบสิทธิ์จากนี้ไป จะมีการทบทวนเกณฑ์ผู้มีสิทธิ์ประจำทุกปี ซึ่งหากปีไหนประชาชนรายใดมีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนดก็จะไม่ได้รับได้สิทธิ์ ขณะที่คนใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน จะได้รับการต่ออายุไปเรื่อยๆ จนกว่าบัตรใหม่ที่ใช้สิทธิ์ ในรูปแบบบัตรประจำตัวประชาชนจะเริ่มใช้” นายสันติ กล่าว