

- ยึดหลักเทียบเคียงกรณีสนามบินอู่ตะเภา
- สั่งกรมบัญชีกลางเตรียมพร้อมประมูลงานรัฐ
- เดินหน้าทันทีหลังงบประมาณปี63มีผลบังคับใช้
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดให้กรมบัญชีกลางเตรียมพร้อมการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 63 อาทิ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างให้ดำเนินการไปก่อน พอหลังจากงบประมาณมีผลบังคับใช้ก็ให้ลงนามสัญญา เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้ากว่ากำหนด 4-5 เดือน เป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น เพราะถ้ารอให้งบประมาณผ่านแล้วค่อยเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้ากว่าเดิม
“การประชุมครม.เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 63 ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องมีการประมูลงาน สามารถจัดทำเงื่อนไขการประมูลเตรียมพร้อมไว้ หลังจากงบประมาณผ่านก็เริ่มกระบวนการประมูลและลงนามสัญญาทันที ซึ่งจะช่วยให้การเบิกจ่ายเร็วขึ้น 15 วันหรือ 1 เดือน”
นายสันติยังกล่าวว่า แม้จะมีการเร่งรัดให้เบิกจ่ายและเตรียมความพร้อมงานประมูลไว้ก่อนได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ และเกิดความเป็นธรรมกับผู้รับเหมา โดยสั่งให้กรมบัญชีกลางศึกษาในเรื่องระเบียบการประมูลงานภาครัฐว่าต้องมีอะไรต้องปรับปรุงหรือไม่ หลังเกิดกรณีการเปิดประมูลสนามบินอู่ตะเภาที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้กลุ่มซีพีมีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาแม้จะยื่นซองประมูลช้าจากกำหนดไป 9 นาที แต่ในเรื่องนี้ผมมองว่ายังไม่ได้เป็นเรื่องสองมาตรฐาน
“เรื่องการประมูลสนามบินอู่ตะเภาทำให้กรมบัญชีกลางต้องศึกษาระเบียบการประมูลงานภาครัฐ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส การศึกษาดังกล่าวถือเป็นการพัฒนากฎระเบียบการประมูลงานภาครัฐ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับกรณีคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ในอดีตอาจมีการวางบรรทัดฐานไว้อย่างหนึ่ง เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลง ศาลฎีกาก็อาจมีคำพิพากษาใหม่ เนื่องจากมีข้อมูลใหม่ก็สามารถเป็นไปได้”
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ ลงนามยุติสงครามการค้ากับจีนในเฟสแรกนั้น คาดว่าจะช่วยทำให้สถานการณ์การค้าโลกดีขึ้น และการส่งออกของไทยดีขึ้น เพราะขณะนี้กำลังการผลิตของไทยยังเหลืออยู่มาก โดยในส่วนของไทยนั้นต้องมีการดูแลประสิทธิภาพภายใน และสร้างขวัญกำลังใจ สร้างความเชื่อมั่น ซึ่งขณะนี้รัฐบาลเน้นในการดูแลเศรษฐกิจภายในให้สามารถพึ่งพาตนเองได้