“ยูนิเซฟ” ห่วงเด็กในเอเชียใต้เสี่ยงหนักติดโควิด-19  

  • เหตุเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็น-วัคซีน 
  • ย้ำถ้ายังคุมไม่ได้มีโอกาสไวรัสกลายพันธุ์รุนแรงขึ้น 
  • เรียกร้องประเทศร่ำรวยบริจาควัคซีนให้ “โคแวกซ์” 

กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เรียกร้องให้มีการปฏิบัติการอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยชีวิตเด็กหลายแสนคนในเอเชียใต้ ที่เข้าไม่ถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 

ภูมิภาคเอเชียใต้มีประชากรเกือบ 2,000 ล้านคน และมีเด็กเป็นกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนเด็กทั้งโลก กำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ โดยยูนิเซฟ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 หนึ่งคนในทุกๆ 17 วินาที อัตราการระบาดระลอกใหม่นี้ เกินกว่าที่หลายประเทศจะช่วยชีวิตประชาชนของตนได้ ทำให้ระบบสาธารณสุขที่เปราะบางในหลายประเทศ “ถึงจุดล่มสลาย” 

จอร์จ ลาเรีย-แอดเจย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียใต้ของยูนิเฟ ระบุว่า จะต้องทำทุกทางเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ไปถึงจุดดังกล่าว โดยจะต้องมีสถานดูแลแม่และเด็ก เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอดไปได้ ทั้งนี้ ในช่วงการระบาดระลอกแรกเมื่อปีที่แล้ว เด็กๆ ราว 228,000 คน และมารดาราว 11,000 คน เสียชีวิต เพราะเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็น เช่น การสร้างภูมิคุ้มกัน การดูแลระหว่างการคลอดบุตร การดูแลระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นต้น 

โดยการเสียชีวิตของเด็กและมารดาอาจสูงขึ้นหลังจากนี้ เพราะอัตราการระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันสูงกว่าการระบาดระลอกแรกถึง 4 เท่า ยูนิเซฟทำงานตลอดเวลานับตั้งแต่เริ่มมีการระบาด แต่องค์กรมีอุปกรณ์และเงินไม่มากพอที่จะปฏิบัติการช่วยชีวิตผู้คนได้ ยูนิเซฟต้องการเงิน 164 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อการขนส่งออกซิเจนอย่างเร่งด่วนรวมถึงเพื่อซื้ออุปกรณ์ตรวจหาเชื้อไวรัส อุปกรณ์ทางการแพทย์ ชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และอุปกรณ์ควบคุมและป้องกันการระบาด 

“ความไม่เท่าเทียมกันของการแจกจ่ายวัคซีน ทำให้เชื้อโควิด-19 ระบาดหนักในเอเชียใต้ โดยกลุ่มประชากรที่ตกอยู่ในความเสี่ยงมากที่สุด ยังคงไม่ได้รับวัคซีน และไวรัสอาจระบาดต่อไปหากสถานการณ์ไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นนานาชาติไม่ควรเพิกเฉยต่อสถานการณ์นี้ และประเทศที่ร่ำรวยกว่า ที่มีวัคซีนเหลือ ควรบริจาควัคซีนไปยังโครงการโคแวกซ์ เพื่อส่งมอบวัคซีนให้ประเทศที่ยาก หากไวรัสยังคงระบาดและไม่ได้รับการควบคุม จะมีความเสี่ยงที่จะกลายพันธุ์รุนแรงขึ้น หรือระบาดได้ง่ายขึ้น และอาจแพร่กระจายไปทั่วโลกได้”