- เน้นผสานรูปแบบพื้นที่สำนักงานแบบมาตรฐานและแบบยืดหยุ่นเข้าไว้ด้วยกัน
- ส่งผลทำให้มีพื้นที่หลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
- ตั้งเป้ารักษายอดผู้เช่าไว้ที่ 90% ย้ำความเป็นผู้นำการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์เกรด A
นายวิทวัส คุตตะเทพ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยและทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบแรก และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กระทบต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมในวงกว้าง สำหรับตลาดอาคารสำนักงานของไทย ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ตลอดจนเทรนด์ของการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from Home เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการเช่าหรือขยายพื้นที่สำนักงานในปี 2563 ลดลงกว่า 50% ส่งผลทำให้ผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงาน จึงจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะสามารถรับมือและปรับตัวได้ทันท่วงที
สำหรับปี 2564 บริษัทคาดการณ์ว่าความต้องการเช่า หรือขยายพื้นที่สำนักงานจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่ความต้องการพื้นที่สำนักงานลดลงต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากภาคธุรกิจสามารถปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์หลังเผชิญหน้ากับโควิด-19 รอบแรกเมื่อปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี ได้แก่ กลุ่มธุรกิจดิจิทัลอีคอมเมิร์ซ การเงิน และธุรกิจสุขภาพ
นายวิทวัส กล่าวว่า เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) ในฐานะผู้นำการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์เกรด A ใจกลางกรุงเทพฯ ได้เบ็งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการใช้พื้นที่สำนักงานตลอดระยะเวลากว่า 5-10 ปีที่ผ่านมา โดยผู้เช่าสนใจเช่าพื้นที่สำนักงานแบบมาตรฐาน (Core) เพื่อความเป็นส่วนตัว สร้างเอกลักษณ์และวัฒนธรรมองค์กรของตัวเอง และเมื่อ 2-3 ปีมานี้ เกิดเทรนด์พื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่น (Flex) ตัวอย่างเช่น โคเวิร์คกิ้งสเปซ (Co-working Space) สำหรับกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก สตาร์ทอัพ ฟรีแลนซ์ ที่ต้องการพื้นที่เพื่อสร้างเน็ตเวิร์คทางธุรกิจ โดยจะมีความยืดหยุ่นสูง ทั้งในเรื่องพื้นที่ และสัญญาเช่า
ทั้งนี้ในปี 2564 นี้ รูปแบบการทำงานได้เกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นผลมาจากนโยบายการทำงานที่บ้าน และการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work form anywhere) ผู้เช่าจึงมองหาความคล่องตัวในการใช้พื้นที่ และต้องการทั้งพื้นที่สำนักงานแบบมาตรฐาน (Core) และพื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่น (Flex) พร้อมกัน ส่งผลให้รูปแบบสำนักงานแบบ Core & Flex จึงช่วยเติมเต็มความต้องการที่เปลี่ยนไปนี้
“บริษัทประเมินว่าเทรนด์พื้นที่สำนักงาน กำลังจะเปลี่ยนอีกครั้ง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันที่ต้องการทั้งความมีมาตรฐานและความยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน จึงได้นำรูปแบบ “Core & Flex” มาผสานกันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนไปในปัจจุบัน โดยมีพื้นที่หลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานตามความต้องการ ซึ่งบริษัทได้วางแผนพร้อมให้บริการภายใน 5 โครงการเชิงพาณิชย์เกรด A ใจกลางกรุงเทพฯ ภายในปีนี้โดยคาดว่าด้วยบริการใหม่นี้ จะทำช่วยให้บริษัทรักษาอัตราผู้เช่าที่ 90%” นายวิทวัส กล่าว
นายวิทวัส กล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่ Core & Flex คือ รูปแบบการให้บริการพื้นที่สำนักงานแบบใหม่ที่ผสานพื้นที่สำนักงานแบบมาตรฐาน (Core) ที่ผู้เช่าสามารถออกแบบและตกแต่งพื้นที่สำนักงานได้ตามความต้องการ และแบบยืดหยุ่น (Flex) ที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นอย่างครบครัน พร้อมด้วยทีมบริหารจัดการพื้นที่มืออาชีพโดยมีจุดเด่นที่ การจัดให้มีพื้นที่ส่วนกลางร่วมกันระหว่างผู้เช่า อาทิ เจ้าหน้าที่ต้อนรับ (Reception) ห้องประชุม และห้องครัว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้นำร่องใช้คอนเซ็ปต์ “Core & Flex” ในการจัดพื้นที่ให้แก่สำนักงานใหญ่ของบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เพื่อความคล่องตัวในการปรับขนาดพื้นที่สำนักงาน รองรับการขยายตัวทางธุรกิจ อีกทั้งยังสนับสนุนให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่พนักงานทุกคน ด้วยการมีพื้นที่ที่ยืดหยุ่น สอดคล้องกับความต้องการและการใช้งานจริง
